เลือกตั้งสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อตลาดยุโรป รวมถึงเศรษฐกิจและการค้า
1. ความไม่แน่นอนในตลาด
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Saxo Bank มองว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการ “ค้านผลคะแนนเลือกตั้ง” ตามที่ตลาดประเมินไว้ ที่อาจเป็นความเสี่ยงทางการเมืองครั้งใหญ่ในรอบหลายทศวรรษ
ความเป็นไปได้ตั้งแต่ตอนนี้ - พิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค. 2021 มีดังนี้:
- ความเป็นไปได้ 50% ที่จะค้านผลเลือกตั้งหากนายไบเดนชนะ
- ความเป็นไปได้ 25% ที่นายไบเดนชนะ
- ความเป็นไปได้ 25% ที่นายทรัมป์ชนะ
2. สงครามการค้า
หาก “นายทรัมป์ชนะ” ก็ดูจะเริ่มต้นสงครามการค้ากับยุโรปตามที่เขาเคยขู่ไว้ด้วยหลากหลายวิธีที่แย่กว่ากรณีของจีน
สงครามการค้าสหรัฐฯ-ยุโรปจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจทั้ง 2 ฝ่าย และดูเหมือน “ยุโรป” จะเป็นฝ่ายเสียมากกว่าหากสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีการส่งออกสินค้าของยุโรปที่เข้าสู่สหรัฐฯ
3. การขึ้นภาษี
ชัยชนะของ “นายไบเดน” ดูจะสร้างความท้าทายให้ยุโรป เพราะมีโอกาสที่จะเกิดการขึ้นภาษีหลักๆในสหรัฐฯ และข้อบังคับที่มากขึ้นในตลาดแรงงาน ที่จะส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ “กระทบการส่งออกของยุโรป”
ทั้งนี้ นายไบเดนจะแก้ไขนโยบายปรับลดภาษีของนายทรัมป์ และจะมีการเพิ่มภาษี รวมทั้งเพิ่มค่าใช้จ่ายและนโยบายทางสังคม
ทั้งหมดนี้จึงเป็น “ผลลบ” ต่อตลาดต่างๆ รวมทั้ง “แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ” ที่จะเข้ากระทบกับเศรษฐกิจโลกและยุโรปด้วย
4. ไบเดน หนุนอะไรบ้าง?
นักกลยุทธ์จาก UBS Asset Management ระบุว่า นโยบายเพิ่มภาษีและค่าใช้จ่ายของไบเดน จะช่วยหนุนตลาดนอกประเทศสหรัฐฯ
โดยชัยชนะของไบเดน “จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นประเทศต่างๆ” นอกสหรัฐฯ ซึ่งมองว่ามีโอกาส 75% ที่ผลจากการเลือกตั้งจะทำให้เราเห็น “ดอลลาร์อ่อนค่า” และ “ตลาดหุ้นต่างๆปรับตัวดีขึ้นกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ”
อย่างไรก็ดี การปราศจากความชัดเจนของการเลือกตั้งในเวลานี้ “ไม่เป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ” และคาดจะเห็นความผันผวนเพิ่มมากขึ้นจากข้อขัดแย้งทางการเมืองที่กระทบตลาดต่างๆนั่นเอง
ที่มา: CNBC