DailyFX ระบุว่า ตลาดทองคำจำเป็นต้องมีปัจจัยมาหนุนเพื่อให้ออกจากกรอบที่สะสมพลังบริเวณแนว 1,900 เหรียญ ท่ามกลางนักลงทุนที่คาดหวังว่า “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะช่วยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นได้ในรอบใหม่”
Christopher Vecchio นักกลยุทธ์ค่าเงินอาวุโสจาก IG Group กล่าวว่า หากนักลงทุนกำลังมองหาการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ควรที่จะต้องลงทุนด้วยความระมัดระวังต่อ “ชัยชนะการครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ”
เพราะจะเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ
หาก “ไบเดนชนะ” แต่ “รีพับลิกัน” ครองเสียงข้างมาก
- จะเกิดความยากในการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- องค์ประกอบของวุฒิสภาเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับการได้ชัยชนะของนายไบเดน
รวมทั้ง “ทองคำ” ด้วย เพราะหาก “เดโมแครต” สามารถครองได้ทั้ง “วุฒิสภา” และ “สภาผู้แทนราษฎร” นั่นหมายความถึง
- จะเห็น “เงินเฟ้อ” เพิ่มขึ้นอย่างมาก
- มีแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอย่างมาก
- อัตราผลตอบแทนแท้จริงปรับตัวลง
- ดอลลาร์อ่อนค่า
- หุ้นปรับตัวขึ้น
- ทองคำปรับตัวขึ้น
ก่อนการเลือกตั้งในเวลานี้ จะเห็นได้ว่า นายไบเดนก็ยังมีคะแนนนิยมนำมาในหลายๆรัฐสำคัญ และมีแนวโน้มว่าเดโมแครตจะสามารถคว้าเก้าอี้ไปครองได้มากกว่ารีพับลิกัน 7 ที่นั่ง ซึ่งจะทำให้พวกเขามีเสียงข้างมากในสภาคองเกรส
หากเดโมแครตต้องการควบคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาจำเป็นต้องได้ที่นั่งไม่น้อยกว่า 52 ที่นั่ง จึงจะเพียงพอให้พวกเขาสามารถครองเสียงข้างมากได้
แม้ว่าพรรคเดโมแครตจะมีแนวโน้มอัดฉีดเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก แต่ไม่มีแนวโน้มว่านักลงทุนจะได้เห็นจนกว่าจะช่วง “หลังปีใหม่” ก่อนที่จะเกิดการปล่อยเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนมาก
และถึงแม้การเลือกตั้งจะจบลง แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯฉบับใหม่ก็อาจเกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกได้น้อยลง
ทั้งนี้ เขายังคาดการณ์อีกว่า “จะไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มได้ก่นอเลือกตั้ง แต่น่าจะเกิดขึ้นหลังสิ้นปีนี้”
การมาของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “จะยิ่งหนุนทองคำตลอดปี 2021” ด้วย
หาก “เดโมแครต” ควบคุมสภาคองเกรสได้ ทองคำมีโอกาสปิดปีนี้ที่ 2,200 เหรียญ
สำหรับแนวโน้มปีหน้า คาดทองคำอาจปิดช่วงสิ้นปีได้สูงแถวระดับ 2,400 เหรียญ
อย่างไรก็ดี เฟดน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำไว้ในกรอบ 0% ตลอดปีนี้ และมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นรัฐบาลสหรัฐฯกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม รวมทั้งอาจเห็นเงินเฟ้อปรับขึ้นได้ถึงระดับ 2.5% หรือ 3% และทั้งหมดนี้จะสะท้อนถึง “ภาวะอัตราดอกเบี้ยแท้จริงอยู่ในระดับต่ำ”
เมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัว
การที่รัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่จะสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น แต่ต้องใช้เวลานที่นานหน่อย กว่าจะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นได้ หลังได้รับความเสียหายอย่างหนักจากวิกฤตไวรัสโคโรนา
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสหรัฐฯจึงจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
และหากอัตราผลตอบแทนแท้จริงยังปรับตัวลงตอ่เนื่อง ทองคำก็จะยังปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยเฉพาะเมื่อยอดขาดดุลในสหรัฐฯนั้นขยายตัวมากขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจก่อให้เกิดความกังวลต่อ “อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ”
ที่มา: KITCO, New York Times