สำหรับแผนสุขภาพในเวลานี้ ดูเหมือน นายโจ ไบเดน ผู้ลงสมัครแข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต มีความต้องการที่จะขยายแผนสุขภาพ Affordable Care Act (ACA) ตามฉบับของนายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ขณะที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูจะต้องการสิ้นสุดนโยบายดังกล่าว และหานโยบายใหม่มาแทนที่
ณ เวลานี้ มีประชาชนสหรัฐฯกว่า 30 ล้านรายที่ปราศจากการได้รับประกันสุขภาพ หรือลดลงจากระดับ 46.5 ล้านรายในปี 2010 ที่ประกัน ACA ผ่านร่างกฎหมาย
Graphic - ภายใต้ ACA และจำนวนผู้ที่ไม่มีประกันลดลง:
และในการดีเบตเรื่องประกันสุขภาพเพื่อเปรียบเทียบว่านโยบายของใครดีกว่านั้น สรุปคร่าวๆได้ดังนี้
ค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพจะคิดเป็น 17% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งอาจสูงกว่าภาคอุตสาหกรรมอื่นๆภายในประเทศ ดังนี้น TRUMPCARE vs BIDENCARE จึงไม่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเศรษฐกิจ และในความเป็นจริงการขยายค่าใช้จ่ายฉบับพิเศษก็ไม่ได้สะท้อนว่า ประชาชนในประเทศมีสุขภาพที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ
CEO จาก Peterson Foundation ระบุว่า การฟื้นประกันสุขภาพถือเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมด้านสุขภาพที่แข็งแกร่งต่อชาวสหรัฐฯ รวมทั้งอนาคตทางเศรษฐกิจและการเงิน หรืออาจเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ
BIDENCARE:
การสนับสนุนด้านประกันสุขภาพและเสถียรภาพทางการเงินใดๆ มีแนวโน้มจะส่งผลต่อภาคครัวเรือนรายได้น้อยนับล้านราย โดยเฉพาะกลุ่มละติน และครอบครัวชาวผิวสี (Black Families) ที่ดูจะได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากมหาวิทยาลัย Michigan School of Public Health กล่าวว่า โดยเฉพาะกลุ่มข้างต้นนั้น หากมีการเล็งเห็นถึงความสามารถในการสะสมสินทรัพย์ได้ ก็ถือเป็นสิ่งสําคัญจริงๆหากคุณคิดเกี่ยวกับการสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ และจะเห็นได้ว่ากลุ่มชาวผิวสีมีอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสูงกว่าชาวผิวขาว เนื่องด้วยพวกเขามีแนวโน้มจะทำงานที่ได้รับความเสี่ยงที่ได้รับการกระจายไวรัสได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า นายไบเดน ต้องการให้มีค่าใช้จ่ายสำหรับแผนของเขา รวมทั้งการขึ้นภาษีในกลุ่มคนร่ำรวย เพื่อให้เกิดการขยายประกันที่ทั่วถึง รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านการรักษาทางการแพทย์ในราคาที่ถูกลง และการได้รับประกันสุขภาพเพิ่มของชาวอเมริกาก็อาจส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯได้มากขึ้นเช่นกัน
TRUMPCARE:
นายทรัมป์ มีความพยายามและความล้มเหลวในการจะผ่านร่างกฎหมายสุขภาพเพื่อทดแทน ACA ตลอดช่วงระยะเวลาดำรงตำแหน่ง 4 ปีของเขา และมีแนวโน้มที่จะเห็นเขาผลักดันต่อหากได้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2
ขณะที่ทางศาลสูงสุดหวังจะได้ยินการประกาศชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และอาจมีการประกาศยกเลิกนโยบาย ACA ได้ แต่สถาบัน Urban Institute เผยว่า อาจส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกากว่า 21 ล้านคนได้ และนักวิชาการด้านกฎหมายส่วนใหญ่ไม่คาดหวังว่าศาลทำเช่นนั้น
แต่หากศาลตัดสินเช่นนั้น และนายทรัมป์ยังไม่มีแผนสุขภาพแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อแทนที่ ACA ก็อาจส่งผลให้เกิดร่างกฎหมายฉบับพิมพ์เขียวที่อาจเป็นข้อเสนอทางเลือกด้านสุขภาพ Heal Care Choices Proposal จากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสุขภาพของสถาบัน Galen Institute และ Heritage Foundation และอาจทำให้ค่าเบี้ยประกันในการรักษาพยาบาลลดลงจากระดับ 24% สู่ระดับ 18% ขณะที่ส่วนอื่นๆยังคงเดิมไว้
นักวิชาการของ Doug Badger กล่าวว่า การลดเบี้ยประกันด้านสุขภาพจะเป็น “รูปแบบการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุด” เพราะจะทำให้เงินเข้ากระเป๋าของชาวอเมริกันทั่วไป ทำให้เป็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ดีกว่า
รองประธานอาวุโสจาก Bipartisan Policy Center กังวลว่า เบี้ยประกันที่สูงตามนโยบายของนายไบเดน แต่ก็อาจคุ้มค่าในการจ่ายสำหรับการเข้าถึงประกันสุขภาพที่กว้างขึ้นซึ่งเขากล่าวว่าจะนำไปสู่เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น
ที่มา: Reuters