• MTS Economic News 20201106

    6 Nov 2020 | Economic News

·         ดอลลาร์ทรงตัว ท่ามกลางเลือกตั้งยืดเยื้อ

ดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักๆ แต่บรรดาเทรดเดอร์มองว่าการค้าผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจส่งผลเกิดความยืดเยื้อในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในเร็วๆนี้

กลุ่มนักลงทุนกำลังมีกระแสตอบรับว่า นายโจ ไบเดนจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แต่การที่พรรครีพับลิกันยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ก็อาจเป็นการยากแก่พรรคเดโมแครตในการผลักดันนโยบายการเงินขนานใหญ่

นอกจากนี้ นายไบเดนยังมีคะแนนนำในบางรัฐสำคัญอยู่ ท่ามกลางนายทรัมป์ที่กล่าวหาถึงการนับผลคะแนนที่ไม่โปร่งใส จึงทำให้ภาพรวมยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในระดับสูง

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 92.641 จุด หลังจากปิดทำต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ และโดยรวมสัปดาห์นี้ดอลลาร์ดูจะอ่อนค่ามากที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือนกว่า 1.5%

การปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนระยะยาวจากคาดการณ์ที่อาจเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้น้อยลงก็ดูจะหนุนให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว รวมทั้งสินทรัพย์อื่นๆ ท่ามกลางดอลลาร์ที่ยังคงเผชิญกับแรงเทขายที่เข้ามากดดันอย่างต่อเนื่อง

ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1819 ดอลลาร์/ยูโร ด้านค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าที่ 1.3127 ดอลลาร์/ปอนด์

ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯโดยรวมดูจะส่งผลต่อตลาดหุ้นเอเชีย แต่มีผลกับค่าเงินเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนในตลาดค่าเงินคาดว่าการจะประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการน่าจะใช้เวลานานหลายวันหรือนานนับสัปดาห์

ความกังวลเกี่ยวกับการเติบทางเศรษฐกิจ ดูจะเป็นเหตุผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ท่ามกลางยอดติดเชื้อที่ปรับตัวขึ้นทำสูงสุดเปประวัติกาณณ์ที่อาจจำกัดการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้

หยวนอ่อนค่าแตะ 6.6307 หยวน/ดอลลาร์ แต่ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีวานนี้

 

·         “ทรัมป์” แสดงจุดยืนในการสู้ศึกเลือกตั้งกับ “ไบเดน” ที่ดูเหมือน นายไบเดน จะเข้าใกล้โอกาสชนะได้ ขณะที่วันนี้นายทรัมป์กล่าวอ้างว่าคะแนนที่ได้มาไม่เป็นธรรม โดยระบุว่าหากเป็นการนับคะแนนที่ถูกกฎหมาย ยังไงเขาก็เป็นฝ่ายชนะ และในการแข่งขันครั้งนี้ดูเหมือนจะมีการโกงผลเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวอ้างถึงชัยชนะที่เขาได้ในหลายๆรัฐแต่กลับประกาศชื่อออกมาเป็น “นายไบเดน” รวมทั้งวิจารณ์ผลโพลล์ก่อนเลือกตั้ง

ขณะเดียวกัน นายไบเดน ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนรอ เนื่องจากคำกล่าวหาของนายทรัมป์ยังคงปราศจากหลักฐานประกอบในเรื่องการโกงการเลือกตั้งที่เขาได้มีการกล่าวอ้างตั้งแต่ช่วงก่อนเลือกตั้ง

 

·         สำนักงานบริการไปรษณีย์สหรัฐฯ พบบัตรลงคะแนน 1,700 ใบในจุดบริการของรัฐเพนซิลเวเนีย และกำลังอยู่ระหว่างจัดส่งให้แก่เจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง

 

·         คณะกรรมาธิการอียู คาดมีโอกาส 50/50 ที่จะเกิดข้อตกลง Brexit

 

·         ธนาคารกลางจีน ระบุว่า จะไม่รีบเร่งปรับเปลี่ยนนโยบาย
รองผู้ว่าการ PBOC ระบุว่า ธนาคารกลางของจีนจะทำการพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนแปลงนโยบายตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่จะไม่รีบเร่งดำเนินการ แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆที่จะเกิดขึ้นจะมาจากการประเมินทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจ เนื่องจากทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในเวลานี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง จากการรับมือไวรัสโคโรนา และการใช้นโยบายสนับสนุนการเติบโต

 

·         Reuters Poll คาดเดือนต.ค. ยอดส่งออกของจีนจะยังคงเดิม แต่ยอดนำเข้าอาจชะลอตัว อันเป็นผลจากการฟื้นตัวของตลาดโลกและอุปสงค์ภายในประเทศ และความกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนาที่กำลังเพิ่มขึ้นจากต่างประเทศ จึงอาจเห็นข้อมูลการค้าชะลอตัวลงต่อในเดือนหน้า

โดยคาดว่ายอดส่งออกจีนน่าจะโตได้ 9.3
เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งอาจลดลงจากเดือนก.ย.เล็กน้อยที่อยู่ระดับ 9.9%

ด้านยอดนำเข้าคาดว่าจะโตได้เพียง 9.5% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี จากเดือนก.ย.ที่โตได้ 13.2%

ทั้งนี้ ยอดเกินดุลคาดจะขยายตัวขึ้นแตะ 4.6 หมื่นล้านเหรียญในเดือนต.ค. จากระดับ 3.7 หมื่นล้านเหรียญในเดือนก.ย.

 

·         Reuters Poll เผย เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีการรีบาวน์ในไตรมาส 3 แต่วิกฤต Covid-19 ยังเป็นปัจจัยกดดัน โดยคาดว่าจีดีพีในไตรมาสที่ 3/2020 จะโตได้ประมาณ 18.9% และจะถือเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการเก็บข้อมูลในปี 1980


เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส คาดจีดีพีน่าจะขยายตัวได้ 4.4
% ในไตรมาสที่ 3 หลังจากที่หดตัวกว่า -7.9ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งเหมือนเศรษฐกิจจีน

 

·         ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน-ค่าแรงของญี่ปุ่นร่วงลงในเดือนก.ย. เพราะได้รับผลกระทบจาก Covid-19 โดยอัตราค่าแรงที่แท้จริงปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง 7 เดือน ส่งสัญญาณ “ภาวะอุปสงค์ภายในประเทศชะลอตัวและอาจกดดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 3/2020

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนก.ย.ดิ่งลง -10.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และถือเป็นกาปรับตัวลดลงมากสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 4  หลังจากที่เดือนส.ค. ออกมา -6.9%

 

·         ออสเตรเลีย เผย รายงานภาคอุตสาหกรรมการค้ากับจีนประสบปัญหาอย่างหนัก

ทางการออสเตรเลียกำลังจับตาไปยังการค้ากับจีนท่ามกลางที่ประสบปัญหาเชิงลึกจากอุตสาหกรรมกับจีนที่ไม่มีกำลังซื้อสินค้ามากถึง 7 หมวดในกลุ่มสินค้าออสเตรเลียและโภคภัณฑ์

 

·         ธนาคารกลางออสเตรเลีย กล่าวว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัว แต่การชะลอการขยายตัวของประชากรอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ


·         มาเลเซีย เผยการขยายงบประมาณเพื่อหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

·         น้ำมันดิบปรับลงต่อจากยอดติดเชื้ Covid เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง – ผลการนับคะแนนสหรัฐฯยืดเยื้อ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 2ท่ามกลางการประกาศ Lockdown ในยุโรปเพื่อจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ก่อให้เกิดความกังวลว่าจะกระทบกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่ตลาดต่างๆยังคงจับตาการนับคะแนนเลือกตั้งของสหรัฐฯที่คาดว่าจะมีความยืดเยื้อ

น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 1.06 เหรียญ หรือ -2.7ที่ระดับ 37.73 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 1.05 เหรียญ หรือ -2.6ที่ 39.88 เหรียญ/บารร์เรล

อิตาลีมียอดผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ด้านสหรัฐฯมียอดติดเชื้อรายวันทะลุ 120,276 ราย เพิ่มเกินแสนต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

MTS Gold Co., Ltd.
40,42,44, Sapsin Road, Wang Burapha Phirom Sub-district, Pranakorn District, Bangkok, 10200
Tel. 0 2770 7777 Fax. 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com