ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปรับขึ้น 74.13 จุด หรือ +2.25% ปิดที่ 3,361.84 จุด ปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวจีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน แม้ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการโดย Caixin ที่เปิดเผยมาในเช้าวันนี้ จะออกมาต่ำสุดในรอบ 17 เดือน และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา PMI ภาคการผลิตของจีนโดย Caixin บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10
ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 182.68 จุด หรือ 0.99% สู่ระดับ 18,191.32 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในช่วงเช้าวันนี้ ประกอบกับความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อสกุลเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นและบั่นทอนผลกำไรของบริษัทส่งออกญี่ปุ่น
ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นในฐานะ Safe-Heaven และใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน(118.04 เยน/ดอลลาร์) โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 118.63 เยน/ดอลลาร์
Citi ลดอันดับการถือครองหุ้นสหรัฐฯสู่ระดับ Underweight เนื่องจาก 1.การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และ 2.กำไรบริษัทจดเบียนที่เริ่มตึงตัว โดยคาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนใน S&P 500 ในปี 2016 จะเติบโตที่ 7.1% ควบคู่ไปกับค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และคาดการณ์ว่า ดัชนี S&P 500 ในครึ่งปีแรก อาจขึ้นไปทดสอบ 2,300 จุด และช่วงครึ่งหลังจากปรับตัวลดลงมาที่ 2,200 จุด เนื่องจากในครึ่งปีหลังเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมและความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในขณะที่ นาย David Kostin หัวหน้านักกลยุทธ์หุ้นสหรัฐฯ ประจำ Goldman Sachs และ นาย Alain Bokobza หัวหน้าฝ่ายการจัดการสินทรัพย์ ประจำ Societe Generale กล่าวว่า ในปี 2016 ตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ (ในปี 2015 ดัชนีS&P500 ปิดที่ระดับ 2,043.94 จุด)
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP)คาดหวังว่าจะมีโอกาสซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมได้ในปีนี้ โดยรอจังหวะราคาน้ำมันดิบเริ่มนิ่งก็จะทำให้เจรจาซื้อขายแหล่งปิโตรเลียมได้ โดยยังมองการเข้าซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมในประเทศ และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา "เศรษฐกิจไทยปี 59 มองไปข้างหน้า โอกาสและความท้าทาย" ว่า ในปีที่ผ่านมาโมเมนตั้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะสามารถหยุดยั้งการทรุดตัวของเศรษฐกิจได้ และ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะขยายตัวได้ 2.9-3% และสำหรับภารกิจในปีนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัว ทั้งด้านการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ การสร้างความเข้มแข็งของภาคการเกษตร พัฒนา SMEs รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวในงานสัมมนาเดียวกันว่า ในปี 2559 นี้ สศช. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 3-4% ซึ่งจะเป็นการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าปี 2558 อย่างแน่นอน โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา ตัวเลขอย่างเป็นทางการใน 3 ไตรมาสพบว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 2.9% และทั้งปีก็มีโอกาสจะใกล้เคียงกับระดับนี้