ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -1.47% หรือร่วงกว่า 252.15 จุด หลุดตระดับ 17,000 จุดมาปิดที่ 16,906.51 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิด -1.3% และเช้านี้ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.28%โดยกลุ่มนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง และค่าเงินหยวนที่ยังปรับอ่อนค่าต่อ รวมไปทั้งแรงกดดันจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางและคาบสมุทรเกาหลี
แบงก์ออฟอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นจีนในปี 2016 มีแนวโน้มที่จะซบเซาต่อเนื่อง และในช่วงสิ้นปีนี้คาดว่าดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตมีโอกาสปรับตัวลงประมาณ 27% ที่ระดับประมาณ 2,600 จุด เนื่องจากจีนยังมีแนวโน้มจะเผชิญปัญหาการเงิน รวมทั้งการอ่อนค่าของค่าเงินหยวนและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากระดับหนี้ที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง จึงคาดว่าวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.20-36.35 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้อ่อนค่าต่อบริเวณ 36.26 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังคงปรับอ่อนค่าและเคลื่อนไหวตามทิศทางของภูมิภาค
รองนายกรัฐมนตรีไทย เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะขยายตัวได้ 2.9-3% ขณะที่ในปีนี้ และสำหรับภารกิจในปีนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัว ทั้งด้านการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ เป็นต้น
สศช. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะขยายตัวได้ราว 3-4% ซึ่งจะเป็นการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าปี 58 โดยปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ประกอบด้วย 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.เศรษฐกิจโลก โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ประเมินว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตได้ 3.6% ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตได้ 2.7% และเศรษฐกิจจีน เติบโต 6.7% ซึ่งหากสถานการณ์จริงไม่เป็นไปตามที่ IMF คาดการณ์ไว้ ก็จะถือว่าเศรษฐกิจโลกปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญปัจจัยหนึ่ง 2.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งหากแนวโน้มราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ก็จะส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้ และ 3.ปัญหาภัยแล้งและสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะมีผลต่อราคาสินค้าเกษตร