ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นประกาศระงับการซื้อขายทั้งวันในวันนี้ หลังจากดัชนี CSI300 ร่วงลงไปกว่า 7% นับเป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ที่จีนใช้มาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาด
ดัชนีฮั่งเส็งดิ่งลง 647.47 จุด หรือ 3.09% ปิดวันนี้ที่ 20,333.34 จุด ปิดร่วงลงอย่างหนัก และ ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน ในวันนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในจีน ภายหลังจากที่ตลาดหุ้นจีนดิ่งหนักจนต้องใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์และระงับการซื้อขายทั้งวันในวันนี้
ดัชนิกเกอิร่วงลง 423.98 จุด หรือ 2.33% ปิดที่ 17,767.34 จุด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือนที่ดัชนีนิกเกอิปิดต่ำกว่าระดับ 18,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดค่ากลางเงินหยวนให้อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นโตเกียวยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงอย่างหนักของดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต จนส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนระงับการซื้อขายในวันนี้
ในวันนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน (China Securities Regulatory Commission : CSRC) ออกกฎเกณฑ์ใหม่ โดยมีใจความว่า หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งถือหุ้นมากกว่า 5% ของบริษัทจดทะเบียน จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขายหุ้นมากกว่า 1% ของปริมาณหุ้นของบริษัทนั้นๆ ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ ทุกๆระยะเวลา 3 เดือน นอกจากนี้ หากผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะขายหุ้น ต้องแจ้งแผนการขายหุ้นต่อ CSRC ให้ทราบก่อนล่วงหน้า 15 วันทำการ ทั้งนี้กฎเกณฑ์ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ม.ค.
กฎเกณฑ์ใหม่ ดังกล่าว ออกมาเพื่อให้การจำกัดการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยจากประกาศฉบับเดิม เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2015 ระบุห้ามผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขายหุ้นของตนเองเลย เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งหมายความว่าจะหมดอายุในวันที่ 8 ม.ค. นี้
มหาวิทยาลัยหอการค้า เผย ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวมและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น โดย ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวม เดือน ธ.ค.58 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 65.1 จาก พ.ย. ที่อยู่ระดับ 63.4 และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ธ.ค.58 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 76.1 จาก พ.ย. ที่อยู่ระดับ 74.6
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นกับตลาดการเงินไทยในช่วงหลังปีใหม่นี้เป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ ได้แก่ 1.การปรับลดลงของดัชนีตลาดหุ้นจีนที่สัปดาห์นี้ปรับลดลงแล้วถึง 12% จนทำให้ต้องประกาศหยุดทำการซื้อขายชั่วคราว (circuit breaker) ในวันจันทร์(4 ม.ค.) และวันนี้
2.ตัวเลข Purchasing Managers Index (PMI) ของจีนทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการที่ชะลอลง ทำให้ความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนมีมากขึ้น 3.การที่ธนาคารกลางจีนประกาศอ่อนค่าเงินหยวนลงอย่างต่อเนื่อง 4.ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งจากตะวันออกกลาง และคาบสมุทรเกาหลี โดยในปีนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปแล้วกว่า 0.7%