ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -2.32% หรือร่วงกว่า 392.14 จุด ที่ระดับ 16,514.1 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิด -2.2% และดัชนีนิกเกอิเช้านีเปิดตลาด -1.15% โดยตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบและความกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้นจีน หลังจากหน่วยงาน CSRC ของจีนประกาศระงับการซื้อขายเมื่อวานนี้ หลังดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วงลงอย่างหนัก
การที่หน่วยงาน CSRC ของจีน ตัดสินใจประกาศใช้คำสั่ง Circuit Breaker เข้าสู่ตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาด โดยสาเหตุหลักที่กดดันตลาดหุ้นจีนให้ปรับตัวลงอย่างหนัก มาจากการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดค่ากลางเงินหยวนสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2011
อย่างไรก็ดี ล่าสุด หน่วยงาน CSRC ประกาศระงับการใช้คำสั่ง Circuit Breaker โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์นี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด เนื่องจากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้เกิดผลกระทบเชิงลบมากกว่าเชิงบวก
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.20 – 36.50 บาท/ดอลลาร์ โดยประเด็นกดดันตลาดยังคงมาจากกรณีธนาคารกลางจีนวางแผนอัดฉีดเงินมูลค่า 1.30 แสนล้านหยวน หรือ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ทุกสกุลในภูมิภาคพากันอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงนี้คงต้องติดตามเรื่องจีนเป็นหลักและคืนพรุ่งนี้จะมีตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
ธปท. กล่าวว่า ค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีเคลื่อนไหวในกรอบ 36.08-36.35 บาท/ดอลลาร์ โดยอ่อนค่าลงประมาณ 0.7% นับจากสิ้นปีที่แล้ว ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาทดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับค่าเงินภูมิภาคท่ามกลางความเสี่ยงในตลาดการเงินโลกที่มีมากขึ้น ซึ่งความผันผวนที่เกิดขึ้นกับตลาดการเงินไทยหลังช่วงปีใหม่นี้เป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ