ดัชนีดาวโจนส์ช่วงเปิดตลาดร่วงลงเกือบ 500 จุด หรือกว่า 3% ก่อนที่จะกลับมาปิดตลาด-1.56% หรือปรับตัวลง 249.28 จุด ที่ระดับ 15,766.74 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิด-3.2% ที่ระดับ 322.29 จุด ท่ามกลางภาวะความผันผวนและตื่นตระหนกในตลาด หลังตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ ตามการปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ และความกังวลต่อภาวการณ์ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
เช้านี้ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.31% ที่ระดับ 16,466.86 จุด เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จึงช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงเช้านี้ให้ดีดตัวขึ้น
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.20-36.40 บาท/ดอลลาร์ จับตาผลการประกาศข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ และการประชุมอีซีบีคืนนี้
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมปีนี้เติบโต 3-4% หรือคิดเป็นการเติบโต 1 เท่าของการประเมินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ที่คาดว่าเติบโต 3-4% จากการลงทุนภาครัฐที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งนี้ปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อรายใหญ่มากกว่า 30% สินเชื่อเอสเอ็มอี 20% สินเชื่อภาครัฐ 10% และ สินเชื่อรายย่อย 30%
ด้านประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2559 จะเติบโต 3.5-4% จากปี 2558 ที่อยู่ 2.8% จากการลงทุนของภาครัฐและมาตรการกระตุ้นต่างๆ ซึ่งจะทำให้สินเชื่อของธนาคารปีนี้ขยายตัวได้ 6-7% เช่นเดียวกัน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของประเทศในปีนี้จะอยู่ระดับ 3-3.5% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่มาก พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน (crisis)ในการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นจากปกติ ขณะที่ยังหวังว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ในปีนี้จะอยู่ในระดับกว่า 2.5% ซึ่งลดลงจากปีก่อน
ธนาคาร ทหารไทย(TMB) แจ้งกำไรสุทธิปี 2558 ที่ระดับ 9,333 ล้านบาท ลดลงราว 2.2% จากปี 2557 หลังธนาคารตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น 59% มาที่ระดับ 5,479 ล้านบาท เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลง และรองรับสถานการณ์สินเชื่อด้อยคุณภาพ ขณะที่ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย พร้อมกับการขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันก็จะยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ การรักษาระดับอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพและระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงต่อไป
ธนาคารกรุงเทพ(BBL) เปิดเผยว่าธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในปี 2558 ที่ระดับ 34,181 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากปี 2557 หลังมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 14,654 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.5% ขณะที่สินเชื่อยังเติบโตได้ 4.9% แม้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงด้านต่างๆก็ตาม ส่วนยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) อยู่ที่ระดับ 2.8% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้