ทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน จากปริมาณความต้องการทองคำในฐานะSafe-Heaven ที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลก และราคาน้ำมันดิบทรุดตัวทำจุดต่ำสุดใหม่ ขณะที่นักลงทุนต่างจับตาไปยังกรอบเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในการประชุมสัปดาห์นี้
ทองคำปรับตัวขึ้นไปทดสอบแถวระดับ 1,120 เหรียญโดยประมาณ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นแล้วกว่า 5% ในปีนี้ ขณะที่ MSCI Asia Pacific ในปีนี้ร่วงลงกว่า 11% และในวันนี้ดัชนีดังกล่าวก็ยังปรับตัวลดลง แม้จะฟื้นตัวได้ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ตามการทรุดตัวของตลาดหุ้นจีน
ขณะที่การดิ่งลงของตลาดหุ้น ส่วนใหญ่มาจากคำสั่งเทขายเพื่อปิดสถานะโดยส่วนใหญ่ จึงอาจช่วยหนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำในระยะสั้นๆต่อไปได้
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมเจือจางลงไป ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่าเฟดอาจเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปในยช่วงปลายปีนี้มากกว่า
ซึ่งกระแสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เบาบางลงนั้นสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ และเอื้อประโยชน์ต่อทองคำ จึงทำให้ทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 5% ในปีนี้ หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นการร่วงลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ของทองคำ
ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการประจำ GoldSilver Central กล่าวว่า ทองคำอาจปรับตัวขึ้นต่อไปทดสอบ 1,138 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งหากผ่านไปได้ ก็มีโอกาสเห็นทองคำขึ้นไปแถวระดับ 1,160 เหรียญ
นักวิเคราะห์จาก INTL FCStone กล่าวว่า การประชุมเฟดในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มที่เฟดจะคงนโยบายแบบผ่อนคลายไปก่อน จึงอาจเป็นปัจจัยที่หนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้น
นักวิเคราะห์จาก Gold Silver Worlds กล่าวว่า ทองคำอาจสูญเสียความเป็นสินทรัพย์ Safe-Heaven ได้ หากตลาดหุ้นมีการรีบาวน์กลับขึ้นมา ซึ่งถึงแม้ทองคำจะได้อานิสงค์จากแรงเทขายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะเริ่มต้นฟื้นตัวได้อีกครั้ง และพวกเราเชื่อว่าในช่วงสิ้นปีนี้ตลาดทองคำยังอยู่ในภาวะขาลง
นักวิเคราะห์จาก Argonaut Securities (Asia) กล่าวว่า ความเสี่ยงจากตลาดหุ้น เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีปริมาณความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นในฐานะ Safe-Heaven ขณะที่เฟดอาจระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน จึงส่งสัญญาณความเชื่อมั่นเชิงบวกที่เพิ่มขึ้นต่อทองคำ อันจะเห็นได้จากมีกระแสเงินกำลังไหลเข้าสู่กองทุน ETFs และอาจผลักดันปริมาณความต้องการลงทุนในทองคำให้สูงขึ้น
นักวิเคราะห์จาก The Market Oracle กล่าวว่า ราคาทองคำยังคงอ่อนตัวจากสภาวะการปรับตัวลดลงของเงินเฟ้อ (Disinflationary) ซึ่งแนวโน้มของราคาทองคำยังคงอยู่ในภาวะขาลง อันจะเห็นได้จากการเคลื่อนไหวของกราฟราคาทองคำนับตั้งแต่ปี 2012 หลังจากที่แนวโน้มได้เปลี่ยนแปลงไป (สังเกตกรอบแดงของภาพประกอบ) ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนตัวภาวะขาลงชัดเจนของทองคำ แม้ว่าในช่วงต้นปีราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้นแต่ก็ยังคงล้มเหลวและไม่สามารถฝ่าแนวต้านสำคัญได้
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จาก Market Oracle ยังระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์ยังอยู่ในแนวโน้มแข็งค่า ขณะที่ ภาวะเงินฝืดในขณะนี้ หรือภาวะที่ค่าเงินเฟ้อลดลง ซึ่งประเด็นข้างต้นเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความกังวลต่อกลุ่มโลหะมีค่า ดังนั้น ทองคำจึงอยู่ในภาวะขาลง โดยยังไม่มีเครื่องมือชี้วัดที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งใดๆ และเราควรจับตาไปยังอัตราการเปลี่ยนแปลงของสถานะ Shot Position สุทธิ จากการซื้อขายของเหล่านักลงทุน เช่นเดียวกับแนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์
ผู้อำนวยการจาก Mumbai-based Commtrends Risk Management Services Ltd. กล่าวว่า ทองคำมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,200 เหรียญ หากสามารถยืนเหนือระดับแนวต้านสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 1,140.45 เหรียญได้
และนักวิเคราะห์จาก RBC Capital กล่าวว่า ทองคำ ทองคำมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 1,400 เหรียญได้ในเวลาอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้