ในบ่ายวันนี้ดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ปรับตัวลดลงโดยดัชนี MSCI Emerging Markets ปรับตัวลดลง 1.59% สู่ระดับ 704.71 จุด ท่ามกลางการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลก
ดัชนีนิกเกอิปรับตัวลดลง 402.01 จุด หรือ 2.35% ปิดที่ 16,708.90 จุด โดยตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันได้ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ในวันนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 188.73 จุด หรือ 6.42% ปิดที่ 2,749.79 จุด ปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 13 เดือน โดยในปีนี้ปรับตัวลดลงไปแล้ว 22.3% และปรับตัวลดลงไปแล้วกว่า 46.8% นับตั้งแต่จุดสูงสุดเมื่อ มิ.ย. 2015 ที่ระดับ 5,178.19 จุด
สำนักข่าวรอยเตอร์ส กล่าวว่า การปรับตัวร่วงลงกว่า 6% ของตลาดหุ้นจีนเกิดขึ้นจากแรง Panic Selling หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง และราคาน้ำมันดิบทรุดตัว
ขณะที่สำนักข่าว CNBC ระบุว่า ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัว จึงทำให้เกิดแรงเทขายในตลาดช่วงเช้า ขณะที่นักลงทุนก็ยังคงระมัดระวังก่อนทราบผลการประชุมเฟด
Goldman Sachs ระบุว่า แม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวลดลงจนเป็นตลาดหมีไปแล้วในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีนยังคงไม่สนใจ โดยพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและทิศทางการไหลเข้าออกของเงินทุนแล้ว ระดับหุ้นจีนปัจจุบันยังคงแพงไปอยู่ดี
โดย Goldman Sachs ระบุว่า หากเปรียบเทียบกับเมื่อไตรมาส 2/2014 ซึ่งขณะนั้นดัชนีอยู่ระดับเพียง 2,000 จุด แต่ขณะนั้นปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจดีกว่าปัจจุบันมาก
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนไถ่ถอนเงินลงทุนจากกองทุนETF กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก โดยไถ่ถอนออกไปกว่า 1.17 พันล้านเหรียญ ทั้งนี้ 1.12 พันล้านเหรียญ ไถ่ถอนออกจากตลาดหุ้น และ 51.9 ล้านเหรียญ ไถ่ถอนออกจากตราสารหนี้ โดยมีการไหลออกจากจีนและฮ่องกงมากที่สุดกว่า 328 ล้านเหรียญ รองลงมาได้แก่ไต้หวัน อินเดีย และเกาหลีใต้ ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการไหลออกของเงินทุนเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีMSCI Emerging Markets ก็สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ 0.2%
ทั้งนี้ หากนับรวมตั้งแต่ต้นปี มีการไถ่ถอนเงินลงทุนออกไปแล้วกว่า 3.9 พันล้านเหรียญ ซึ่งนับว่ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีการไถ่ถอนเงินลงทุนออกกว่า 6.1 พันล้านเหรียญ
BlackRock Inc. รายงานว่า นักลงทุนกำลังเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำกว่าเดิม เช่น อสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อภาคเอกชน เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาด เนื่องจากเหตุการณ์ในระยะหลังทำให้นักลงทุนต้องบริหารความเสี่ยงมากขึ้น
โดย BlackRock Inc. ได้สอบถามลูกค้าซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ที่สุด 170 ราย โดยผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งหนึ่ง ระบุว่า กำลังวางแผนที่จะกระจายสินทรัพย์ไปสู่สินเชื่อภาคเอกชนและอสังหาริมทรัพย์ และผู้ตอบแบบสอบถาม 33% กำลังวางแผนที่จะลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้น
กระทรวงพาณิชย์ไทย เผย ยอดนำเข้า-ส่งออกไทย หดตัวเกินคาดในเดือนธันวาคม กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน ธ.ค.58 การส่งออกมีมูลค่า 17,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 8.73% ขณะที่นำเข้ามีมูลค่า 15,613 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 9.23% ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือน ธ.ค.58 เกินดุล 1,487 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ส่งผลให้ปี 58 มีการส่งออกลดลง 5.78% มูลค่า 214,375 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าลดลง 11.02% มีมูลค่า 202,654 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าของปี 58 เกินดุล 11,721 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า สาเหตุที่การส่งออกปี 58 หดตัว 5.78% มีสาเหตุสำคญจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งราคาน้ำมันที่ลดลงกระทบต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อีกทั้งยังกดดันให้สินค้าเกษตรอยู่ในระดับต่ำ แต่อย่างไรก็ดีในปี 58 ไทยสามารถกลับมาเกินดุลการค้าได้สูงสุดในรอบกว่า 6 ปี
เมื่อวานนี้ Goldman Sachs ปรับลดอันดับการถือครองหุ้น Caterpillar จากเดิม เป็นกลาง(Neutral) สู่ระดับ ขาย(Sell) โดยมีสาเหตุหลักมาจากการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการเครื่องจักรในการผลิต ทั้งนี้ Caterpillar เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรทั้งสำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่, การเกษตร เป็นต้น
ทั้งนี้หลังถูกปรับลดอันดับการถือครองหุ้น Caterpillar Inc. (CAT) ปรับตัวลดลงกว่า 5.03% สู่ระดับ 57.91 ดอลลาร์/หุ้น