ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังเฟดตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวแถวระดับ 98.946
ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าและทรงตัวเช้านี้ที่ระดับ 1.0888 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.0849 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนเช้านี้ทรงตัวบริเวณ 118.78 เยน/ดอลลาร์
สรุปการประชุมเฟดประจำเดือนมกราคม 2016 (26-27 มกราคม) พบว่า เฟดยังคงมีมติตรึงอัตรารดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25-0.50% พร้อมแสดงความกังวลต่อภาวะความผันผวนในตลาดการเงิน ที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ทั้งนี้ เฟดกำลังจับตาไปยังภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและยุโรป รวมไปถึงความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินและการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบอย่างใกล้ชิด ว่าจะส่งผลมากน้อยเพียงใดต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ตัดโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมนี้ออกไป โดยเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในแนวโน้มขยายตัวในระดับปานกลาง ท่ามกลางตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมี แนวโน้มจะค่อยๆปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมาย 2% ในระยะกลางได้
นักวิเคราะห์จากเวดบุช อีคิวตี้ เมเนจเม้น (Wedbush Equity Management LLC) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เฟดดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดการเงิน แต่ทั้งหมดก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงแผนการดำเนินนโยบายของพวกเขาในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตลาดส่วนใหญ่ถึงมีการปรับตัวลดลง
ด้านนักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ส ระบุว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้จากแรงเทขายทำกำไรต่อเนื่องตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยกลุ่มนักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลว่าเฟดอาจดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดการเงินจะผันผวน ท่ามกลางการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก
ผลการประกาศข้อมูลยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ พบว่าออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 544,000 ยูนิต โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 54,000 ยูนิต จึงยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของภาคที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ
ผลการประกาศยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงเกินคาดในเดือนธันวาคมที่ระดับ -1.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 เดือน และสะท้อนให้เห็นถึงภาวะชะลอตัวของการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนในไตรมาสที่ 4/205 และส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัว
น้ำมันดิบ WTI ปิด +2.7% ที่ระดับ 32.33 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +4.1%ที่ระดับ 33.10 เหรียญ/บาร์เรล เพราะได้รับแรงหนุนจากกระแสข่าวที่ว่าบริษัทพลังงานของรัสเซียเตรียมเจรจากับกลุ่มโอเปค และซาอุดิอาระเบีย เพื่อปรับลดกำลังการผลิต เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะน้ำมันดิบล้นตลาด