• ราคาทองคำอ่อนตัวลงต่อ ขณะที่ดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น จากสัญญาณที่แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงทำให้นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่า
ทั้งนี้ ราคาทองคำอ่อนตัวลงอีกประมาณ 0.3% ที่ระดับ 1,262.85 เหรียญ
• ตลาดหุ้นดาวโจนส์ทะยานขึ้นแตะระดับ 22,000 จุด ได้เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ 121 ปี และถือเป็นการปิดต่อเนื่องยาวนานเป็นประวัติการณ์ 6 วันทำการ ภาพรวมดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 11% ในปีนี้
• นักวิเคราะห์จาก OCBC ระบุว่า ยังคงมีแนวโน้มที่สดใสของตลาดการเงินทั่วโลกต่อตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่า ทองคำถูกกดดันจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกจะแข็งแกร่งต่อไป โดยเฉพาะข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกับความแข็งแกร่งอย่างมากของตลาดหุ้นในคืนที่ผ่านมา มากกว่าจะตอบรับกับความกังวลทางการเมืองในขณะนี้ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนเมื่อคืนนี้ที่มีการปรับทบทวนในเดือนมิ.ย.
• สภาทองคำโลก หรือ World Gold Council ระบุว่า อุปสงค์ความต้องการทองคำทั่วโลกร่วงลง 14% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยเฉพาะการขายอย่างหนักของกองทุนทองคำขนาดใหญ่อย่าง ETFs
• นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters ระบุว่า ราคาทองคำอาจกลับทดสอบแนวรับ 1,258 เหรียญ ซึ่งหากทองคำหลุดระดับดังกล่าวลงมามีโอกาสกลับลงมาแถวระดับแนวรับถัดไปบริเวณ 1,247 เหรียญ โดยวิเคราะห์จากเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci Retracement ที่ระดับ 23.6% และ 38.2% ที่วัดจากจุดต่ำสุดเมื่อ 10 ก.ค. บริเวณ 1,204.45 เหรียญ - ระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค. บริเวณ 1,237.97 เหรียญ
อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวแบบ Five-wave จากระดับ 1,204.45 เหรียญได้จบลงอย่างสมบูรณ์และยืนยันถึงจังหวะการเคลื่อนตัวของราคาทองคำ หลังจากที่ราคาร่วงลงจาก 1,273.97 เหรียญ ก็เกิดภาวะ Divergence เป็นขาลงใน MACD แบบรายชั่วโมง ดังนั้น จึงอาจเห็นราคาทองคำกลับลงมาแถวระดับ 1,247 เหรียญ โดยปัจจุบันราคายังเคลื่อนไหวอย่างจำกัดแถวระดับ 1,269 เหรียญ
• ราคาซิลเวอร์ร่วงลงประมาณ 0.2% ที่ระดับ 16.52 เหรียญ หลังจากที่ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 29 มิ.ย. เมื่อวานนี้