· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯไม่ว่าจะการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. รวมถึงอัตราค่าแรง ได้ย้ำสัญญาณความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และดูเหมือนจะทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นว่าเฟดน่าจะประกาศแผนการเริ่มต้นปรับลดยอดงบดุล
· กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผย จำนวนการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯขยายตัวขึ้น 209,000 ตำแหน่ง ขณะที่ในเดือนมิ.ย. มีการปรับทบทวนเพิ่มขึ้นอีก 11,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 231,000 ตำแหน่ง สำหรับอัตราว่างงานปรับตัวลดลงตามคาดสู่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนมิ.ย.
ด้านอัตราค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมงปรับเพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.3% ในเดือนก.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งข้อมูลล่าสุดถือเป็นการขยายตัวได้มากที่สุดในรอบ 5 เดือน และเมื่อเทียบรายปีจะพบว่าค่าแรงขยายตัวได้ 2.5% ในช่วง 4 เดือน
· นักเศรษฐศาสตร์จาก JPMorgan กล่าวว่า เฟดน่าจะกำหนดการปรับลดจำนวนยอดงบดุลให้กลับสู่ภาวะปกติ โดยจะเริ่มต้นในช่วงเดือนก.ย.นี้
· ผลการประกาศข้อมูลการจ้างงานส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์คืนวันศุกร์ปรับตัวขึ้นระดับรายวันมากที่สุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในปีนี้ โดยปรับตัวขึ้นได้กว่า 1% แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 93.774 จุด ก่อนจะทรงตัวแถวระดับ 93.529 จุด
นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์ยังตอบรับกับถ้อยแถลงของ นายแกรี คอห์น ประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการปรับลดภาษี โดยเขาระบุกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ภาษีนิติบุคคลที่ระดับ 35% อาจปรับลดลงแถวระดับ 24% สอดคล้องกับประเทศอื่นๆในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ในคืนวันศุกร์ปรับตัวขึ้นได้ระดับวันมากที่สุดนับตั้งแต่ ธ.ค. ปี 2015 ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงมา 1% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ และลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 วันทำการบริเวณ 1.1729 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่ระดับ 1.1909 ดอลลาร์/ยูโร
ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้นประมาณ 0.9% ทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 111.04 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วลงไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์
· สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า โครงการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยให้สัญญาว่าจะยื่นเบิกเงินลงทุนเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ ปัจจุบันยังคงไร้ความคืบหน้า แม้นายทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเป็นเวลา 7 เดือนแล้วก็ตาม จึงเป็นสาเหตุให้บรรดารัฐต่างๆในสหรัฐฯมีการออกพันธบัตรเกี่ยวกับการพัฒนาการระบบคมนาคม หรือระบบสาธารณูปโภคน้อยลง
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นในคืนวันศุกร์ หลังจากข้อมูลรายงานจ้างงานสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่งจึงช่วยหนุนความคาดหวังที่ว่าอุปสงค์ความต้องการพลังงานจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาน้ำมันดิบภาพรวมยังคงปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกและสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับตัวขึ้น 41 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.8% ที่ระดับ 52.42 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 55 เซนต์ หรือคิดเป็น +1.1% ที่ระดับ 49.58 เหรียญ/บาร์เรล