รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. ของเฟดที่เปิดเผยเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าบรรดาสมาชิกเฟดมีความคิดเห็นแตกแยกออกไป เกี่ยวกับการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอบางส่วน ส่งผลให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในปีนี้
ขณะที่สมาชิกเฟดมีความเห็นตรงกันที่จะประกาศการปรับลดพอร์ตงบดุลที่มีมูลค่าสูงกว่า 45 ล้านล้านเหรียญ ภายในเดือนก.ย.นี้ แม้สมาชิกบางส่วนจะเสนอให้ประกาศวันที่ที่จะปรับลดแน่นอนในการประชุมเดือนก.ค.ที่ผ่านมาก็ตาม
เฟดมีแนวโน้มสูงที่จะประกาศการปรับลดพอร์ตงบดุลในการประชุมระหว่างวันที่ 19 - 20 เดือน ก.ย. ปีนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่กำลังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งทั้งในด้านการจ้างงาน และยอดค้าปลีก บรรดานักลงทุนในตลาดจึงมีมุมมองที่ดีต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ การปรับพอร์ตงบดุลของเฟด น่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปในช่วงระยะเวลาหลายปี เพื่อป้องกันไม่ได้ตลาดได้รับผลกระทบมากนัก
เฟดได้มีการส่งสัญญาณว่าจะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ หรือจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอย่างมาก แต่เฟดก็ยังได้มีการปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อประจำปี 2017 ลงอีก ส่งผลให้ตตลาดคาดการณณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯจะยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 2% ยาวนานกว่าที่เคยคาดไว้มาก
สมาชิกระดับอาวุโสของเฟดบางส่วนมีความเห็นว่า เฟดสามารถ ”เฝ้ารออย่างใจเย็น” เพื่อที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปได้ ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
แต่เสียงส่วนมากเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถขยายตัวแตะระดับ 2% ได้ภายในปีหน้า เมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานที่อิ่มตัวอย่างเต็มที่ ขณะที่เสียงบางส่วนได้เตือนให้ระมัดระวังความเสี่ยงของภาวะฟองสบู่ หากยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ
ความแตกแยกทางความคิดของเฟด ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดสหรัฐฯโดยตรง
โดยนักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ภายในเดือนธ.ค. ปีนี้ ขณะที่บางส่วนเชื่อว่าเฟดจะรอจนถึงปี 2018
หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์จาก MFR Inc. กล่าวว่า “เฟดไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นอกเสียจากจะมีสัญญาณการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อ”
ขณะที่ ความตึงเครียดทางการเมืองที่กำลังถ่วงความคืบหน้าในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ น่าจะทำให้เฟดพิจารณาปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงเดือนต่อๆไปเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญในตลาดเชื่อว่า บางองกรค์อาจชะลอการจ้างงานและการลงทุน เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของนโยบายประกันสุขภาพ การเจรจาทางการค้า และนโยบายเศรษฐกิจอื่นๆของรัฐบาลสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นหลังการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ก่อนที่ดัชนีดาวโจนส์จะปรับร่วงลงมา -1.24% และดัชนี S&P500 ปรับลงมา -1.54% ในช่วงกลางตลาด ก่อนที่จะกลับมาปิดตลาดได้สูงขึ้นเล็กน้อย