· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 29.24 จุด หรือคิดเป็น +0.13% ที่ระดับ 21,703.75 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.12% ที่ระดับ 2,428.37 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.05% ที่ระดับ 6,213.13 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงตอบรับแบบผสมผสานจากข่าวความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ประกอบกับความไม่มั่นใจในความสามารถของทีมบริหารภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการผลักดันร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดภาษี หรือค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวที่ยังเป็นปัจจัยฉุดรั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ
· สำหรับภาพรวมตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ต่างก็ลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบประมาณ 5 สัปดาห์ครึ่ง จากภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เป็นปัจจัยหนุนให้ราคาสินค้าโลหะมีค่าปรับตัวขึ้น และส่วนหนึ่งมีแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในจีน โดยซิงค์ปรับตัวขึ้นในรอบเกือบทศวรรษ ขณะที่ทองแดงทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี และแร่เหล็กก็ปรับตัวขึ้นเกือบ 15%ในช่วง 3 วันทำการล่าสุด
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันในเช้านี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กลับมาให้ความสนใจกับการประชุมประจำปีที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพจัดงานที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในช่วงปลายสัปดาห์นี้
· นักบริหารเงิน ประเมินว่า วันนี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.17 - 33.32 บาท/ดอลลาร์ หลังจากช่วงบ่ายวานนี้ ธปท. กล่าวว่า ถ้าพบเห็นการทำธุรกรรมที่ผิดปกติของ Non-resident ที่เกี่ยวกับการเก็งกำไร อาจมีการออกมาตรการดูแลเพิ่มเติม จึงทำให้เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง
ขณะที่ช่วงปลายสัปดาห์นี้ต้องจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของบรรดาผู้นำธนาคารกลางต่างๆที่เมืองแจ็กสัน โฮล ระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ โดยตลาดพุ่งประเด็นไปยังประธานเฟดและอีซีบีว่าจะให้มุมมองในการดำเนินนโยบายการเงินอย่างไร