ราคาทองคำเริ่มกลับเป็นขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ จึงทำให้ราคาทองคำกลับขึ้นมาแถวระดับ 1,299 – 1,300 เหรียญ เมื่อวานนี้ และหลังจากที่ทองคำปรับตัวขึ้นเหนือ 1,300 เหรียญ ก็ดูเหมือนว่าราคาทองคำจะมีทิศทางที่สดใส และทำให้ในช่วงเช้ามืดวานนี้ทองคำดีดขึ้นแถวระดับ 1,317 เหรียญ หรือปรับขึ้นได้ประมาณ 19.10 เหรียญ
แม้ว่าจะมีหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำ Breakout กลับมาเป็นขาขึ้น ไม่ใช่เพียงค่าเงินดอลลาร์เท่านั้นที่เป็นปัจจัยพื้นฐานการปรับขึ้นของราคาทองคำ โดยการที่ราคาทองคำระหว่างวันปรับขึ้นได้ประมาณ 20 เหรียญ ซึ่งเมื่อแบ่งจำนวนการปรับขึ้นของทองคำประมาณ 20 เหรียญออกมา จะพบว่า 3.6 เหรียญได้รับผลกระทบโดยตรงจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่อีก 16.4 เหรียญที่ราคาทองคำปรับขึ้นได้มาจากการที่นักลงทุนและเหล่าเทรดเดอร์เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ราคาทองคำเริ่มปรับตัวสูงขึ้นได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา จากการที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์เริ่มตอบรับกับข้อมูลที่ได้จากถ้อยแถลงของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด และนายมาริโอ ดรากี้ ที่ไม่ได้เร่งรีบสรุปเกี่ยวกับการปรับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป
ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานเฟด ไม่ได้ระบุใจความที่เกี่ยวข้องกับกรอบเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการเริ่มต้นปรับลดยอดงบดุล โดยลดท่าทีเน้นย้ำการดำเนินการที่ได้ระบุไว้ในการประชุมเดือนก.ค.ที่ผ่านมา และดูเหมือนจะมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มขึ้น
รายงานจาก Bloomberg แสดงให้เห็นว่า นักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า เฟดอาจมีท่าทีระมัดระวังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จึงทำให้ดูเหมือนจะยังไม่มีความแน่นอนใดๆ
ข้อความที่ผสมผสานกันระหว่างเฟดและอีซีบียังคงดำเนินไกป และดูเหมือนจะไม่มีแนวโน้มจะทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆในเร็วๆนี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
สรุปได้ว่า ภาพรวมของทองคำนั้นจะมีการเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,200 เหรียญ และ 1,300 เหรียญในปีนี้อย่างแน่นอน หลังจากที่สามาถกลับมายืนเหนือระดับ 1,300 เหรียญได้ ก็ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำดูจะปรับตัวขึ้นได้เป็นอย่างดี
ที่มา: Kitco