· สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เครื่องบินรบเกาหลีใต้และญี่ปุ่นจำนวนหนึ่ง ได้เข้าร่วมการซ้อมรบร่วมกับเครื่องบินรบจากสหรัฐฯ ใกล้น่านฟ้าเหนือคาบสมุทรเกาหลี โดยการซ้อมรบนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธตกลงในไปทะเลญี่ปุ่นได้เพียง 2 วัน
ขณะที่มีรายงานจากสหรัฐฯระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯเรียกร้องให้รัสเซียทำการปิดสถานทูตรัสเซีย ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอเนียร์ และนิวยอร์ก เพื่อเป็นลดบทบาททางการทูตของรัสเซียในสหรัฐฯ
· หลังจากที่พายุเฮอริเคนฮาวีย์ได้สร้างความเสียหายให้กับสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางภาคใต้ อาจส่งผลให้บรรดาสมาชิกเฟดต้องเพิ่มหัวข้อที่จะพิจารณาเพิ่มในการประชุมอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ดี เฟดน่าจะสามารถดำเนินนโยบายการเงินได้ตามเดิม โดยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
· ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยูโรโซน IHS Markit ปรับขึ้นสู่ระดับ 57.4 จุดในเดือนสิงหาคม จากเดิมที่ระดับ 56.6 จุดในเดือนกรกฏาคม ท่ามกลางแนงหนุนจากยอดส่งออกที่สูงขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ปี 2011 แท้จะมีแรงกดดันจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นก็ตาม
· สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ยอดการผลิตน้ำมันในประเทศจีนมากกว่าครึ่ง อาจได้รับผลกระทบหากความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีพัฒนาความรุนแรงมากขึ้น
กล่าวคือ หากมีการเคลื่อนไหวทางการทหาร อาจทำให้การนำเข้าน้ำมันทางเรือสู่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน หยุดชะงักลง ซึ่งคิดเป็น 34% ของยอดขนส่งน้ำมันทางเรือเดินสมุทรทั่วโลก
· ดัชนี Caixin ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในประเทศจีน ปรับขึ้นสู่ระดับ 51.6 จุดในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน สูงกว่าที่คาดกการณ์ไว้ที่ระดับ 50.9 โดยปรับสูงขึ้นจากเดือนกรกฎาคมที่ระดับ 51.1 จุด ท่ามกลางการขยายตัวของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในปีนี้
· ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังจากที่ปรับขึ้นไปเมื่อช่วงตลาดที่ผ่านมา ท่ามกลางผันผวนในตลาดน้ำมันหลังบรรดาผู้ผลิตในสหรัฐฯได้รับผลกระทบจากพายุเฮาริเคนฮาวีย์ ส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันกว่า 1 ใน 4 ต้องปิดทำการชั่วคราว
โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.7% ที่ระดับ 46.88 เหรียญ/บาร์เรล สำหรับภาพรายสัปดาห์ปรับร่วงไป 2% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.4% ที่ระดับ 52.65 เหรียญ/บาร์เรล สำหรับภาพรายสัปดาห์ปรับขึ้นไป 2.99%