· ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงระดับรายวันมากที่สุดในรอบกว่า 3 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ซึ่งมีการถือครองในฐานะ Safe-Haven ท่ามกลางความวิตกกังวลต่ออานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่ได้ทำการทดสอบล่าสุด ประกอบกับถ้อยแถลงของบรรดาสมาชิกเฟดที่กล่าวเป็นเสียงเดียวกันในเชิงกังวลต่อการอ่อนตัวของภาวะเงินเฟ้อ โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถวระดับ 92.221 จุด จากระดับ 92.6 จุดวานนี้
ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 1% ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าต่อลงมา 108.65 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 29 ส.ค. ขณะที่ภาพรวมของค่าเงินดอลลาร์ถือเป็นระดับการร่วงลงรายวันมากที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.4% ที่ระดับ 1.1939 ดอลลาร์/ยูโร โดยตลาดยังรอความชัดเจนจากประชุมอีซีบีในสัปดาห์นี้ แต่ภาพรวมของค่าเงินยูโรยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่งที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้วบริเวณ 1.2069 ดอลลาร์/ยูโร
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.06% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา
· รายงานจากรอยเตอร์ส แสดงให้เห็นว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ลดลงสู่ระดับ 27% จากระดับ 30% ก่อนทราบถ้อยแถลงของ นางเบรนาร์ด
· รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า เมื่อคืนนี้ นางลาเอล เบรนาร์ด เจ้าหน้าที่บอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังผลของอัตราเงินเฟ้อก่อนที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง เนื่องจากแนวโน้มระยะยาวของเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง
· นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส หนึ่งในสมาชิกเฟดที่มีแนวความคิดหนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจเป็นการทำให้เกิด “อันตรายอย่างแท้จริง” ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเงิเนฟ้อถึงอยู่ในระดัต่ำและการเติบโตของภาคแรงงานเป็นไปอย่างชะลอตัว
· นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า เฟดไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลานี้ แต่ควรใช้เป็นจังหวะWait-and-see เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำในเวลานี้
นอกจากนี้ นายเคพแลนด์ กล่าวย้ำมุมมองที่ว่า เฟดควรเริ่มต้นลดยอดงบดุลในพอร์ตจำนวน 4.5 ล้านล้านเหรียญในเร็วๆนี้ เพื่อการันตีว่าเศรษฐกิจจะไม่เผชิญกับวิกฤตในอนาคตหรือแม้แต่ภาวะซบเซา
· เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้ผู้นำของสภาคองเกรสช่วยกันผลักดันแผนปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ ด้วยการปรับลดภาษีนิติบุคคลและการจัดสรรภาษีสำหรับธุรกิจที่จะสร้างผลกำไรจากต่างประเทศกลับสู่ประเทศ
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาแก๊สโซลีนร่วงลงกว่า 3% วานนี้ ท่ามกลางโรงกลั่นน้ำมันที่ทยอยกลับมาเริ่มเปิดทำการอีกครั้งบริเวณชายฝั่งสหรัฐฯ หลังจากที่ปิดทำการระยะหนึ่งจากพายุเฮอริเคนฮาวีย์ จึงทำให้ปริมาณความต้องการน้ำมันดิบกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และบรรเทาภาวะอุปทานที่มีระดับสูงในปัจจุบัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.37 เหรียญ ที่ระดับ 48.66 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ในช่วงต้นตลาดวานนี้ขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ระดับ 48.98 เหรียญ/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.04 เหรียญ หรือคิดเป็น +2% ที่ระดับ 53.38 เหรียญ/บาร์เรล