MTS Help Center

ประเด็นที่ต้องจับตา:

* ความตึงเครียดเกาหลีเหนือไม่ใช่ปัจจัยขับเคลื่อนทองคำขาขึ้น

* ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายใต้การบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนราคาทองคำ

* Goldman Sachs คาดว่า หากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเจือจางลงไป จะเป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ

นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs กล่าวว่า แม้ว่าจะมีความขัดแย้งมากมายที่เกิดขึ้น แต่ภาวะความตึงเครียดจากเกาหลีเหนืออาจไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาทองคำ

แต่ในทางกลับกัน ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายใต้ทีมบริหารของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเป็นปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนราคาทองคำ ถ้าปัจจัยดังกล่าวยังไม่บรรเทาเบาบางลงไป

ราคาทองคำล่าสุดค่อนข้างแน่ชัดในภาวะขาขึ้น หลังจากที่ปรับขึ้นจากระดับต่ำกว่า 1,212 เหรียญ ในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม และปรับขึ้นมาทำระดับสูงสุดในสัปดาห์นี้แถวระดับ 1,342.9 เหรียญ ซึ่งถือป็นระดับสูงสุดในรอบปี ซึ่งการซื้อขายทองคำมาจากภาวะการเข้าถือครองสินทรัพย์ Safe-Haven จากความกังวลของบรรดานักลงทุนต่างๆ และวันนี้ระดับราคาก็เคลื่อนไหวแถวบริเวณ 1,338.5 เหรียญ

บางจังหวะของการปรับขึ้นของราคาทองคำมาจากความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เกาหลีเหนือกล่าวอ้างความสำเร็จในการทดสอบหัวรบที่บรรจุระเบิดไฮโดรเจนได้สำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ยังไม่คิดว่าการฟื้นตัวของราคาทองคำนั้นจะมาจากเรื่องของเกาหลีเหนือซะทีเดียว ซึ่งมองว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งประมาณ 15 เหรียญ จากการปรับขึ้นกว่า 100 เหรียญ เนื่องจากสถานการณ์ความวุ่นวายของสหรัฐฯในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ราคาทองคำฟื้นตัว จากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์นั่นเอง และหากว่าความตึงเครียดของเกาหลีเหนือยังเป็นไปในลักษณะนี้ ก็เชื่อว่าระดับราคาเฉลี่ยของทองคำในช่วงสิ้นปีจะอยู่บริเวณคาดการณ์เดิม 1,250 เหรียญ

จริงๆแล้วอาจกล่าวได้ว่า การอนุมัติต่างๆของนายทรัมป์ถือเป็นตัวแทนความเสี่ยงของสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำ โดยทั้งสองปัจจัยข้างต้นตอนนี้กำลังส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และโดยภาพรวมทองคำปรับขึ้นมาได้ประมาณ 85% แล้ว

แต่... ความเสี่ยงทั้งหมดก็มีโอกาสจางหายไป

นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ระบุว่า ในเดือนหน้าอาจมีเหตุไม่คาดฝันหลังจากที่สหรัฐฯเผชิญกับพายุเฮอริเคน “ฮาวีย์” จึงบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ จึงบ่งชี้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯยังคงต้องเผชิญกับการจัดการกับปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการผ่านร่างค่าใช้จ่าย และความพยายามที่ยากลำบากในการหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ของรัฐบาล รวมทั้งโปรเจ็คการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานที่ควรเกิดขึ้นเร็วๆนี้มากกว่าปล่อยให้เนิ่นนาน

และก็ดูเหมือนว่า Goldman ปรับลดโอกาสความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯจะเผชิญกับภาวะ Shutdown ลงเหลือเพียง 15% จากระดับ 35%

ด้านสถานการณ์ตึงเครียดในเกาหลีเหนือดูไม่มีแนวโน้มที่จะขับเคลื่อนทองคำไปได้ไกลกว่านี้มากนัก แม้ว่าความตึงเครียดเกาหลีเหนือจะ “ค่อนข้างซีเรียส” แต่ตลาดก็ไม่ได้มองว่าเป็นความเสี่ยงระดับพรีเมียม เนื่องจาก ยังไม่มีผลจากความตตึงเครียดทางการทหาร รวมทั้งความเสี่ยงที่ยืดเยื้อด้วยอาวุธชีวภาพทั้งหลาย

สรุปได้ว่า จริงๆแล้วเกาหลีเหนืออาจจะไม่ได้ตั้งใจหรือต้องการที่จะนำไปสู่เหตุการณ์โจมตีต่อกัน แต่ก็ดูเหมือนเกาหลีเหนือจะไม่มีท่าทียอมแพ้ในการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งดูเหมือนทางเกาหลีเหนือเองเพียงต้องการจะการันตีความปลอดภัยของประเทศตนเองเท่านั้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จึงเป็นเพียงทฤษฎีการเดินเกม เพื่อนำไปสู่ดุลยภาพอย่างยั่งยืน

ที่มา: CNBC