· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้น 54.33 จุด หรือคิดเป็น +0.25% ที่ระดับ 21,807.64 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.31%ที่ระดับ 2,465.54 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.28% ที่ระดับ 6,393.31 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้น เพราะได้รับอานิสงส์จากหุ้นกลุ่มพลังงาน และข่าวการขยายเพดานหนี้ จึงทำให้ตลาดหุ้นดีดกลับหลังจากที่เผชิญแรงเทขายในวันก่อน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย หลังจากมีข่าวว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เห็นพ้องกับตัวแทนของพรรคเดโมแครต รวมไปถึงสมาชิกพรรครีพับลิกัน โดยกล่าวเห็นพ้องในการผ่านร่างการขยายเพดานหนี้จนถึง 15 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้ที่ไม่เคยมีมาก่อนจากปัญหาหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ
· ขณะที่ข้อมูลกิจกรรมภาคบริการของสหรัฐฯที่ขยายตัวขึ้นในเดือนส.ค. ที่ได้รับอานิสงส์จากยอดคำสั่งซื้อใหม่และภาวะการจ้างงาน แม้ว่าข้อมุลอื่นๆจะมีการขยายตัวได้ปานกลาง อาทิ ยอดดุลการค้าในเดือนก.ค.ที่ปรับตัวลดลงเกินคาด จึงถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ดีในช่วงต้นไตรมาสที่ 3 สอดคล้องกับรายงานผลสำรวจของเฟดที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ปานกลางในช่วงเดือนก.ค. จนถึงช่วงกลางเดือนส.ค.
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากภาวะผ่อนคลายทางการเมืองของสหรัฐฯ โดยดัชนีนิเกอิเช้านี้เปิด +0.49% หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเมื่อคืนนี้ จึงทำให้ค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่าและหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก
· นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์