• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นหลังความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มผ่อนคลายลง เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่มีการยิงขีปนาวุธในการเฉลิมฉลองวันชาติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง แต่ตลาดยังคงระมัดระวังการลงทุนเพื่อประเมินความเสียหายที่อาจเกิดจากพายุเฮอริเคนเออร์มา
ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 108.38 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับสูงขึ้น 0.17% สู่ระดับ 91.509 จุดเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่
ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2015 ยูโร/ดอลลาร์ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าอีซีบีจะเริ่มยกเลิกนโยบาย QE ในเร็วๆนี้
• คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติจะมีการลงมตินโยบายคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯเป็นผู้ยื่นเสนอร่างนโยบายดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนว่ารัสเซียและจีนจะให้การสนับสนุนหรือไม่
• การใช้จ่ายภาคครัวเรือนในอังกฤษปรับเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งปรับขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ในภาพรวมการจ่ายใช้จ่ายภาคครัวเรือนอังกฤษยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยภาพรวมการใช้จ่ายรายปีถือว่าอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัว การเติบโตของอัตราเงินเดือนที่ชะลอตัว และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจจากภาวะ Brexit ส่งผลให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
• นายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีกระทรวง Brexit แห่งอังกฤษเผย รัฐสภาอังกฤษจะมีเจรจาภายในหัวข้อเกี่ยวกับ Exit Bill ภายในวันนี้ และจะมีการโหวตให้ดำเนินการเจรจา Brexitกับสหภาพยุโรปในขั้นต่อไปในช่วงค่ำคืนนี้ โดยที่นายเดวิดยังคงยืนยันจะให้การสนับสนุนนโยบาย Brexit ต่อไป
• รายงานจากสำนักข่าว CNBC เผย ธนาคารกลางจีนเตรียมออกนโยบายลดข้อจำกัดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนเงินหยวน ในเร็วๆนี้
• ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น หลังรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแห่งซาอุดิอาระเบีย เผยว่า อาจเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกจะขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตออกไปปสู่ช่วงเดือนมี.ค.ปี 2018
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนตุลาคม ปรับขึ้น 0.8% ที่ระดับ 47.87 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ปรับขึ้น 0.4% ที่ระดับ 54 เหรียญ/บาร์เรล