· ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.66% ที่ระดับ 91.955 จุด เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกในตลาด หลังความตึงเครียดเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและพายุเฮอริเคนเออร์มาเริ่มผ่อนคลายลงไป
ส่วนค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ปรับแข็งค่าขึ้น 1.4% เมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนจะทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 109.345 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราแข็งค่าที่มากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ม.ค ที่ผ่านมา
ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.7% เมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนจะทรงตัวที่บริเวณ 1.1962 ยูโร/ดอลลาร์
· คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ เมื่อคืนนี้ ได้ตัดสินเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ด้วยการบังคับให้นานาประเทศระงับการส่งออกน้ำมันดิบและสิ่งทอสู่เกาหลีเหนือ หลังจากที่มีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา
· ประชาชนในรัฐฟลอริดาเริ่มเดินทางกลับเข้าภูมิลำเนา หลังจากที่พายุเฮอริเคนเออร์มาได้เคลื่อนตัวเข้าไปยังรัฐจอร์เจียและอ่อนกำลังลงสู่ระดับพายุโซนร้อนแล้ว แต่ยังคงมีครัวเรือนในรัฐฟลอริดามากกว่าครึ่งที่ยังประสบอุทกภัยและขาดพลังงานไฟฟ้าอยู่
· นายสตีฟ แบนนอน อดีตที่ปรึกษาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ความขัดแย้งทางความคิดระหว่างบรรดาส.ส.เกี่ยวกับนโยบายกีดกันผู้อพยพอย่างผิดกฏหมายโดยเฉพาะเยาวชน อาจยกระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้รัฐสภาสูญเสียการควบคุมในปีหน้าได้
· รายงานจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า บรรดาส.ส.ในรัฐสภาอังกฤษ เมื่อคืนที่มา ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้รัฐบาลสามารถดำเนินการเจรจา Brexit กับสหภาพยุโรปในขั้นตอนต่อไปได้
· ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย หลังบรรดาโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ เริ่มกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งหลังจากได้รับความเสียดายจากพายุเฮอริเคนฮาวีย์ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปกอาจอนุมัติการขยายระยะเวลาของนโยบายปรับลดกำลังการผลิตออกไป จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือน มี.ค. ปี 2018
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังฟื้นตัวไม่ได้มาก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอริเคนเออร์มากำลังกดดันปริมาณอุปสงค์ของน้ำมันอยู่
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 0.1% ที่ระดับ 53.84 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 1.2% ที่ระดับ 48.07 เหรียญ/บาร์เรล