คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ เมื่อคืนนี้ ได้ตัดสินเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ด้วยการบังคับให้นานาประเทศระงับการส่งออกน้ำมันดิบและสิ่งทอสู่เกาหลีเหนือ หลังจากที่มีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา
การสั่งคว่ำบาตรครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 9 แล้ว นับตั้งแต่เกาหลีเหนือเริ่มมีการทดสอบขีปนาวุธเมื่อปี 2006 ขณะที่แบบร่างของนโยบายคว่ำบาตรครั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯเป็นผู้ร่างขึ้นมา ก่อนที่จะส่งให้ทางองค์การสหประชาติเป็นผู้พิจารณาและปรับเปลี่ยนตามเหมาะสม
นางนิกกิ ฮาเลย์ เอกอัครราชทูตแห่งสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงการคว่ำบาตรครั้งนี้ ว่าทางสหประชาชาติไม่ได้มีความยินดี ที่จะผลักดันการคว่ำบาตรแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นการท้าทายให้เกิดสงคราม โดยทางเกาหลีเหนือยังคงไม่สายเกินไปที่จะพิจารณากลับตัวกลับใจได้ เพื่ออนาคตของเกาหลีเหนือ แต่ถ้าทางเกาหลีเหนือยังคงดึงดันจะทำการพัฒนาอาวุธต่อไป ทั่วโลกก็จำเป็นต้องเพิ่มแรงกดดันให้หนักยิ่งขึ้น
ขณะที่เอกอัครราชทูตจากรัสเซีย ซึ่งเดิมทีต่อต้านนโยบายคว่ำบาตรดังกล่าว เนื่องจากมองว่าไม่ใช่การแก้ไขปัญหาทางการฑูตที่เหมาะสม ได้กล่าวเกี่ยวกับการคว่ำบาตรครั้งนี้ว่า หากทางรัสเซียมองข้ามภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ไปโดยไม่ทำอะไรเลย มันจะเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์
นอกจากนี้ เขายังได้เรียกร้องให้สหรัฐฯและเกาหลีใต้ยกเลิกการซ้อมรบร่วมโดยสิ้นเชิง รวมถึงเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดโครงการพัฒนาอาวุธด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาขึ้นได้ แต่ทว่านางฮาเลย์ ไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องดังกล่าว
ที่มา: Reuters