· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 61.49 จุด หรือคิดเป็น 0.28% ที่ระดับ 22,118.86 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิด +0.34% ที่ระดับ 2,496.48 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.34% เช่นกัน ที่ระดับ 6,454.28 จุด
ทั้งนี้ 3 ตลาดหุ้นหลักของสหรัฐฯยังคงปิดปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อคืนนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้ว่าจะมีแรงจำกัดจากหุ้นบริษัท Apple Inc ที่อ่อนตัวลง หลังจากที่มีการเปิดเผย iPhone รุ่นล่าสุด
· การที่ดัชนี S&P500, ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี Nasdaqs ยังปิดปรับตัวสูงขึ้นได้ เนื่องจากนักลงทุนในตลาดลดความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในเกาหลีเหนือ จึงเลือกที่จะกลับเข้าถือครองสินทรัพย์เสี่ยง ประกอบกับภาคการเงินที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนเออร์มา ดูจะน้อยกว่าที่กังวลไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้นยังเมินต่อท่าทีแข็งกร้าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากที่ล่าสุดออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การคว่ำบาตรของ U.N. นั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่ดูเหมือนนักลงทุนจะได้ความสนใจและวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปิดเผยรายละเอียด iPhone รุ่นล่าสุดที่อาจส่งผลให้ทางบริษัท Apple ประสบภาวะขาดแคลนอุปทานได้
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากกลุ่มนักลงทุนที่ลดความกังวลเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษี
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า แผนปฏิรูปภาษีอาจมีการระบุBackdated เป็นวันที่ 1 ม.ค.ปีนี้ และอาจเป็นการสร้างประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งทางทีมบริหารของนายทรัมป์ค่อนข้างให้ความสนใจต่อแผนปฏิรูปภาษีให้แล้วเสร็จภายในช่วงสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายมนูชิน ได้หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐฯปรับขึ้นมาแถวระดับ 2.17% จากระดับ 2.13% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา
· ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.45% ในเช้านี้ หลังจากที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จึงส่งผลให้หุ้นกลุ่มส่งออกส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ประกอบกับการฟื้นตัวของหุ้นบริษัทเทคโนโลยี หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และภาคธนาคารที่ปรับตัวสูงขึ้นในเช้านี้เช่นกัน
· นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.05 – 33.14 บาท/ดอลลาร์ โดยจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวมากนัก
· ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 60-64) ภายใต้วิสัยทัศน์ เข้าถึง แข่งขันได้ เชื่อมโยง และยั่งยืน โดยมี 5 มาตรการหลักที่สำคัญ คือ
1.เป็นแหล่งทุนสำหรับ SMEs และส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนให้ SMEs
2.เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ 3.เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย
4.พัฒนาให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมโยงในภูมิภาค
5.มีแผนรองรับสังคมผู้สูงอายุ