· ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มทรงตัวและมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังเป็นตลาดเดียวที่ยังคงปิดทำระดับสูงสุดใหม่ ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้น หลังข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนส.ค. บ่งชี้ถึงภาวะแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
โดยจะเห็นได้ว่า 3 ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง 2 วันทำการเพราะได้รับอานิสงส์จากการข้อมูลของกลุ่มผู้บริโภคและหุ้นกลุ่มพลังงานที่ช่วยชดเชยแรงกดดันของหุ้นบริษัท Apple Inc ที่อ่อนตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับการเปิดตัวล่าสุดของ iPhone X
· ด้านดัชนี MSCI ที่มีหุ้นเครือข่ายทั่วโลกกว่า 2,400 ตัว ก็อ่อนตัวลงหลังจากที่ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3 วันทำการ ขณะที่หุ้นยุโรปอ่อนตัวลงเล็กน้อย ท่ามกลางตลาดที่ยังมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบและการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร จึงช่วยลดแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตไมโครชิพและกลุ่มเหมืองแร่
· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 39.32 จุด หรือคิดเป็น +0.18% ที่ระดับ 22,158.18 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.08% ที่ระดับ 2,498.37 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.09% ที่ระดับ 6,460.19 จุด
ภาพรวม 3 ดัชนีหลักยังคงปิดทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ในรอบหลายๆปี แม้ว่าจะมีความผันผวนไม่แน่นอนจากปัญหาทางการเมืองสหรัฐฯ, กรอบเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และความไม่มั่นใจที่ว่าทีมบริหารของนายทรัมป์จะสามารถผลักดันนโยบายกระตุ้นภาคธุรกิจ, การปฏิรูปได้หรือไม่ รวมไปถึงประเด็นการทดสออาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
· นักกลยุทธ์จาก JP Morgan Asset Management กล่าวว่า การเปิดตัวของ iPhone X ที่ผลิตโดยบริษัท Apple ที่ดูเหมือนจะออกมาเป็นตัวทดสอบเงินเฟ้อที่กำลังอ่อนตัวอยู่ในขณะนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ประเมินความต้องการในการครอบครองนวัตกรรมใหม่ชิ้นนี้ เนื่องจากราคาเริ่มต้นนั้นสูงที่ระดับ 999 เหรียญ
· หุ้นบริษัท Apple ร่วงลง 0.8% จากความกังวลเกี่ยวกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ iPhone X ที่ราคาค่อนข้างสูงเกินไป และคาดว่าจะเริ่มเปิดจำหน่ายจริงในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งล่าช้ากว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ แม้ว่าภาพรวมหุ้นของบริษัทจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ 37% ในปีนี้ก็ตาม
· ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมผสานกันก่อนทราบข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในช่วง 9 โมงเช้า ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเช้านี้เพิ่มขึ้นตอบรับกับความพยายามผลักดันแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์จะเริ่มทรงตัว
· ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.07% หลังจากที่เปิดแดนบวกต่อเนื่อง 3 วันทำการ ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.24%เพราะได้รับอานิสงส์จากหุ้น Blue chip กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่เป็นตัวผลักดัน ประกอบกับหุ้นกลุ่มน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
· นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทในวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆระหว่าง 33.09 - 33.13 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้ต้องจับตาดูการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนส.ค. เพราะหากมีทิศทางที่ดีจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทมีโอกาสจะปรับอ่อนค่าลงได้บ้าง นอกจากนี้ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ด้วย