· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น หลังจากที่รายงานดัชนี PPI รีบาวน์ขึ้นในเดือนส.ค. ขณะที่นักลงทุนบางส่วนลดสถานะการถือครองก่อนทราบข้อมูล CPI ในคืนนี้ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งต่อไป
ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 0.6% ที่ระดับ 92.435 จุด หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์บริเวณ 92.53 จุด
ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาประมาณ 0.68% ที่ระดับ 1.1884 ดอลลาร์/ยูโร cและค่าเงินเยนอ่อนค่าลงมาที่ระดับ 110.53 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 110.4 เยน/ดอลลาร์วานนี้
· ผลการประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯประจำเดือนส.ค.เมื่อคืนนี้ ปรับตัวสูงขึ้นเพราะได้รับอานิสงส์จากราคาแก๊สโซลีนที่ปรับตัวขึ้น จึงเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในกลุ่มผู้ผลิต โดยดัชนี PPI เดือนส.ค. อยู่ที่ระดับ 0.2% จาก 0.1% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ภาพรวมรายปี ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้นได้ 2.4% จากระดับ 1.9%
· ข้อมูลเงินเฟ้อถือเป็นปัจจัยหลักที่จะบ่งชี้ถึงกรอบเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งตอ่ไปของเฟด โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ คาดหวังว่า เฟดจะประกาศแผนการเริ่มต้นปรับลดยอดงบดุลจำนวน 4.2 ล้านล้านเหรียญในพอร์ตไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตร MBS ในการประชุมระหว่าง 19-20 ธ.ค.นี้ ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะถูกเลื่อนออกไปจนกว่าจะถึงเดือนธ.ค.
· เมื่อคืนนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ผู้มีรายได้สูงหรือผู้มีฐานะร่ำรวยชาวอเมริกาจะต้องจ่ายภาษีสูงขึ้น ท่ามกลางความพยายามของเขาในการยกเครื่องภาษีชุดใหม่และการบรรลุเป้าหมายร่วมกับพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในการสนับสนุนแผนของเขา แม้ว่าแผนการของเขาจะยังไม่ประสบผลสำเร็จในตอนนี้
· นายพอล ไรอัน โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า กำหนดการเปิดเผยแผนการดำเนินงานของเขาคาดว่าจะอยู่ระหว่างช่วงเริ่มต้นในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 25 ก.ย.นี้ ประกอบไปด้วย คณะกรรมการการเขียนนบายภาษีที่จะเริ่มระบุออกมาเป็นร่างกฎหมายและรายละเอียดในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนั้น
· นายมนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว FOX News โดยระบุว่า ทีมบริหารอาจใช้สมมติฐานทางเศรษฐกิจเพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายการปรับลดภาษีต่อยอดขาดดุลงบประมาณ ประกอบกับระดับหนี้สินจำนวน 20 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะหารือกันในการดำเนินนโยบายแผนภาษี
· ทิศทางเชิงบวกเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษีได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.19% จากระดับ 2.17% วานนี้
· โฆษกรัฐบาลอังกฤษ เผยว่า นางเทเรซ่า เมย์ มีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคตของอังกฤษกับอียู ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
· นายฌอง คล็อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการอียู เรียกร้องให้รัฐบาลแต่ละประเทศในอียูใช้โอกาสจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยุโรปและภาวะ Brexit เป็นขั้นบันไดเพื่อให้ อียูก้าวไปสู่ความเป็นจุดศูนย์กลางของการค้าทั่วโลก พร้อมทั้งสนับสนุนให้ทั้ง 30 ประเทศในอียูใช้ค่าเงินยูโรร่วมกัน โดยทั้งหมดนี้คือวิสัยทัศน์ที่คณะกรรมาธิการอียูตั้งไว้ โดยที่ตั้งเป้าว่าจะสำเร็จในช่วงปลายปี 2019
· ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 1.07 เหรียญ หรือคิดเป็น +2.2% ที่ระดับ 49.30 เหรียญ/บาร์เรล ขณะทีน้ำมันดิบBrent ปิดปรับขึ้น 89 เซนต์ หรือคิดเป็น 55.16 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันีน้ หลังจากที่ IEA เปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่เกิดเหตุพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ โดยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบออกมาที่ระดับ 5.9 ล้านบาร์เรล