· ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.29% ที่ระดับ 22,268.34 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.18% ที่ระดับ 2,500.23 จุด ซึ่งทั้งคู่ยังคงปิดปรับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด +0.3% ที่ระดับ 6,448.47 จุด
ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปิดปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะดัชนีS&P500 ที่ทะยานขึ้นเหนือ 2,500 จุด จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสื่อสารและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดกลับหลังจากที่ปรับตัวลดลงในช่วง 2 วันทำการก่อนหน้า
ดัชนี S&P500 ทะยานเหนือ 2,500 จุด ได้ในรอบประมาณ 4 เดือนเป็นอย่างน้อย หลังจากที่ปิดพุ่งเหนือ 2,400 จุด จึงส่งผลให้ภาพรวมปีนี้ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นได้แล้วประมาณ 12%
· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นสหรัฐฯมีการปรับตัวสูงขึ้นและทำ New Highs ใหม่ได้ในคืนวันศุกร์ เนื่องจากบรรดานักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการทดสอบมิสไซน์ล่าสุดของทางเกาหลีเหนือ ขณะที่ภาพรวมค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาแย่เกินคาดของสหรัฐฯ จึงหั่นโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวขึ้นเช้านี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยสัญญาณบ่งชี้จากทิศทางการดำเนินนโยบายของเฟดในช่วงปลายสัปดาห์นี้
· ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.46% ในเช้าวันนี้ โดยได้รับอานิสงส์จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นเกินคาด นำโดยหุ้นบริษัท Samsung Electronics ที่เปิด +1.07% ในเช้านี้ ขณะที่ SK Hynix ปรับขึ้น 2.72% ขณะที่หุ้นบริษัทผลิตรถยนต์และการผลิตนั้นออกมาผสมผสานกัน
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันหยุดประจำชาติ (วันผู้สูงอายุ)
· นักบริหารเงิน ประเมินว่า กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้จะอยู่ระหว่าง 33.00-33.20 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องติดตามสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี ตลอดจนผลการประชุมและประมาณการเศรษฐกิจของเฟดในช่วงกลางสัปดาห์ ประกอบกับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน การขออนุญาตก่อสร้าง ดัชนีราคานำเข้าส่งออก ยอดขายบ้านมือสอง และผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดอื่นๆ ที่มีกำหนดการในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน