· ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +0.18% ที่ระดับ 22,370.8 เหรียญ และถือเป็นการปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง 6 วันทำการ ทางด้านดัชนี S&P500 ปิด +0.11% ที่ระดับ 2,506.65 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ยาวนาน 5 วันทำการ และดัชนี Nasdaq ปิด +0.1% ที่ระดับ 6,461.32 จุด โดย Nasdaq ยังไม่สามารถปิดทำลายสติสูงสุดเดิมที่ทำไว้เมื่อ 13 ก.ย.ได้
ทั้งนี้ 3 ดัชนีหุ้นใหญ่ในสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นได้และยังคงมีการทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้รับอานิสงส์จากหุ้นกลุ่มการเงินที่มีการฟื้นตัวได้ค่อนข้างมากก่อนทราบผลประชุมเฟด
· เฟดถูกคาดการณ์ว่า ในการประชุมวาระนี้จะมีการประกาศการเริ่มต้นลดการถือครองพันธบัตรในพอร์ตฟอลิโอ ขณะที่น่าจะยังไม่ทำการเปลี่ยนแปลงระดับดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ยังรอคอยถ้อยแถลงต่อมุมมองเงินเฟ้อของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดอย่างใกล้ชิด ว่าจะส่งผลต่อทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกาประชุมเดือนธ.ค. นี้หรือไม่
· นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสประจำ LPL Financial กล่าวว่า ดูเหมือนตลาดจะเคลื่อนไหวทรงตัวและรอว่าเฟดจะส่งสารอะไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจและทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดอาจตอบรับเพียงเล็กน้อยหากพวกเขาปรับลดงบดุล แต่การดำเนินการดังกล่าวก็อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้ และโดยภาพรวมตลาดไม่ค่อยนิยมชมชอบต่อความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นเท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากเฟดทำการปรับลดยอดงบดุลจริง นักลงทุนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าจะช่วยทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งนั่นน่าจะเป็นการดีต่อผลประกอบการของภาคธนาคาร
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงในเช้าวันนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยผลกาประชุมเฟดที่จะเปิดเผยในคืนนี้ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.05% หลังจากที่ปิด +2% วานนี้
· นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทในวันนี้จะยังวิ่งแคบในกรอบระหว่าง 33.05 - 33.15 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทจะค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากตลาดยังรอผลการประชุมเฟดซึ่งจะสรุปในคืนนี้