• เฟดต้องพึ่งแผนเศรษฐกิจทรัมป์?!!

    20 กันยายน 2560 | Economic News


รายงานจาก Forbes News ระบุว่า การตัดสินใจของเฟดในวันนี้ จะคำนึงถึงแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ท่ามกลางท่าทีของกลุ่มนักลงทุนที่เริ่มมีมุมมองต่อมาตรการทางการเงินและการขยายตัวที่ร้อนแรงของเศรษฐกิจ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าอาจจะไม่ได้ดีมากเท่าที่ควร

อันจะเห็นได้จากการเริ่มปรับนโยบายดอกเบี้ยของเฟดให้กลับสู่ภาวะ “ปกติ” ในช่วงเดือนธ.ค. ปี 2015 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีเสถียรภาพ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้นได้อย่างช้าๆ ท่ามกลางตลาดหุ้นสหรัฐฯในตอนนั้นที่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงทำให้เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในช่วงปลายปีดังกล่าว และมีคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นได้อีก 4 ครั้งในปี 2016

แต่แล้วหุ้นก็ปรับตัวลงประมาณ 13% ในอีกไม่กี่เดือนถัดจากนั้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของตลาดพันธบัตร (อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี) ปรับตัวลดลง ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยในช่วงนั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ร่วงลงจากระดับ 2.33% สู่ระดับ 1.53% ในอีก 2 เดือนต่อมา และในเดือนเม.ย. เฟดก็ได้กลับมาแสดงท่าทีคุมเข้มทางการเงินมากขึ้น และเริ่มมีการส่งสัญญาณที่เกี่ยวกับแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 4 ครั้งในปีดังกล่าว

จนกระทั่งเมื่อถึงช่วงการเลือกตั้งของสหรัฐฯกับมุมมมองทางเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เฟดเกิดไอเดียเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ที่อาจเกิดขึ้น โดยปราศจากข้อมูลที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งโดยปกติการกำหนดทิศทางดำเนินนโยบายจะต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฟดแสดงให้เห็นถึงความต้องการจะถอยกลับไปใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินอีกครั้งนั่นเอง

และหลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว เฟดก็ได้ส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นในปีนี้ ประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมี.ค. และมิ.ย. ที่ผ่านมา แต่วิธีที่ตลาดตอบรับกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดดูจะเป็นการปรับตัวลดลงหลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย จากภาพที่เราเห็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเมื่อเดือน มิ.ย. (ตามภาพ)

อย่างไรก็ดี อาจกล่าวได้ว่าพายุเฮอริเคนล่าสุดที่เข้ามา อาจเปรียบเสมือนตัวแทนของวิกฤตที่เกิดขึ้นและทำให้เฟดน่าจะให้ความสนใจไปยังการดำเนินนโยบายของนายทรัมป์ เนื่องจากจะเป็นโอกาสให้นายทรัมป์ได้แสดงบทบาทความเป็นผู้นำให้กับประชาชนทั่วไปได้เห็นศักยภาพ ประกอบกับโอกาสคนทั่วไปจะเริ่มรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง แต่ดูเหมือนทิศทางการจัดการของทรัมป์จะมืดมนอยู่และจำเป็นต้องผลักดันนโยบาย รวมทั้งจำเป็นต้องให้ทางสภาคองเกรสเห็ฯด้วยกับการเพิ่มเพดานหนี้ และการให้เงินสนับสนุนช่วยเหลือจากการที่สหรัฐฯเผชิญกับพายุเฮอริเคน ขณะที่ถ้อยแถลงของนายทรัมป์ต่อ U.N. ที่เพิ่งผ่านพ้นไปน่าจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อทีมบริหารของนายทรัมป์ได้ และเราก็อาจเห็นสัญญาณคุมเข้มทางการเงินจากเฟดในการประชุมวาระนี้

ที่มา: Forbes


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com