MTS Help Center

• ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้น หลังจากทราบการประกาศนโยบายของเฟดที่จะเริ่มปัรบลดยอดงบดุลในพอร์ต พร้อมส่งสัญญาณที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้

โดยดัชนี European Stoxx 600 เปิด +0.27% ในช่วงเปิดตลาดเพระาได้รับอานิสงส์จากหุ้นทุกภาคส่วนที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก

• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นสหรัฐฯและการอ่อนค่าของเงินเยน หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปิด+0.2% ที่ระดับ 20,347.48 จุด

• ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มนักพัฒนาและภาควัสดุที่อ่อนแอ ท่ามกลางการปรัยตัวสูงขึ้นในหุ้นกลุ่มการเงินที่ได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์การปรับึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ปิด-0.2% ที่ระดับ 3,357.81 จุด

• ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มผู้บริโภคปรับตัวลงจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้ ดัชนี Hang Seng ปิด-0.1% ที่ระดับ 28,110.33 จุด

• กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ส.ค.60 โดยการส่งออกมีมูลค่า 21,224 ล้านเหรียญ ขยายตัว 13.2% สูงสุดในรอบ 55 เดือน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,134 ล้านเหรียญ ขยายตัว 14.9% ส่งผลให้ดุลการค้าการเดินราว 2,090 ล้านเหรียญ

สำหรับการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกปี 60 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 153,623 ล้านเหรียญ ขยายตัว 8.9% ขณะที่ยอดนำเข้ามีมูลค่า 144,750 ล้านเหรียญ ขยายตัว 15.4% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลา 8,873 ล้านเหรียญ

• รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 60 คาดว่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และมีโอกาสจะเติบโตได้มากกว่าระดับ 7% โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะจีน และสหรัฐฯ รวมถึงคู่ค้าสำคัญในอาเซียนที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง จะส่งผลดีต่อการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ยางพารา

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินบาท ไม่ได้ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกในปีนี้ เนื่องจากเป็นการแข็งค่าของค่าเงินทั้งภูมิภาค เพียงแต่เรื่องค่าเงินยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อเนื่องไปถึงปีหน้า