· ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 53.36 จุด หรือคิดเป็น -0.24% ที่ระดับ 22,359.23 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด-0.3% ที่ระดับ2,500.6 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.52% ที่ระดับ 6,422.69 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลดลงจากกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ และการที่สหรัฐฯเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่แก่ทางเกาหลีเหนือ หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการจัดกลุ่มคนและภาคบริษัทบางส่วนที่ทำธุรกิจร่วมกับเกาหลีเหนือเข้าสู่บัญชีรายชื่อ Blacklist เพื่อตอบโต้กับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
· ขณะเดียวกันการร่วงลงต่อของหุ้นบริษัท Apple อีก 1.7% วานนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ของ Smartphone รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดให้ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ไม่สามารถปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ต่อ
· ดัชนีมาตรวัดความผันผวน หรือ VIX ปิดปรับตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน บริเวณ 9.67 จุด ส่งผลให้นักกลยุทธ์บางรายมองว่า ตลาดไม่ได้ตอบรับความเสี่ยงจากกรณีสหรัฐ-เกาหลีเหนือ และความผันผวนในระดับสูง
· ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนจาก Cornerstone Financial Partners กล่าวว่า นักลงทุนรับรู้และตอบรับกับข่าวเฟดไปแล้ว จึงกลับมาให้น้ำหนักประเด็นความตึงเครียดของเกาหลีเหนือ ที่อาจส่งผลให้นักลงทุนมีสภาวะ Risk-off เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกัน หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลดลง โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.19% หลังหุ้นกลุ่มการผลิตปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้น Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.09%
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 33.08-33.15 บาท/ดอลลาร์ แม้ว่า Sentiment ของตลาดจะปรับดีขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดรอดูปัจจัยสัปดาห์หน้า ซึ่งโฆษกรัฐบาลสหรัฐจะออกมาเปิดเผยแผนการปฏิรูปด้านภาษี ว่าจะมีความก้าวหน้าจริงหรือไม่ หากมีความก้าวหน้าก็มีโอกาสที่ดอลลาร์จะแข็งค่าไปได้ต่อ ประกอบกับสัปดาห์หน้าเป็นช่วงสิ้นเดือนที่มักจะมีความต้องการค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น