• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 22 กันยายน 2560

    22 กันยายน 2560 | Economic News


 

·         ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลหลักส่วนใหญ่ โดยอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ จากกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้

หลังจากที่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม โดยมีท่าทีที่อ่อนลงต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปี 2017 เนื่องจากยังกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 2และสัญญาณการอ่อนตัวที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจหลังจากที่ประสบกับพายุเฮอริเคนลูกใหญ่จำนวน 2 ลูกที่พัดถล่มเขตเศรษฐกิจทางตอนใต้ของสหรัฐฯ

·         นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Amnudi Pioneer Asset Management กล่าวว่า นักลงทุนรู้สึก Surprise ต่อถ้อยแถลงของประธานเฟดที่กล่าวอ้างถึงภาวะอ่อนตัวชั่วคราวของเงินเฟ้อ จึงส่งผลให้เกิดแรง Short-Covering บางส่วนในตลาด

·         ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงมาประมาณ 0.2ที่ระดับ 92.365 จุด หลังจากที่แตะระดับ 92.697 จุด ได้ในวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 5 ก.ย. ทางด้านค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 112.28 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรเช้านี้ทรงตัวบริเวณ 1.1954 ดอลลาร์/ยูโร

·         เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมองโอกาส 78% ที่เฟดจะทำการขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 50% ก่อนทราบผลประชุมเฟด

·         เมื่อคืนนี้ นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวว่า นโยบายการเงินไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องเสมอไปสำหรับปัญหาความไม่สมดุลทางการเงินในยูโรโซน ดังนั้น จึงควรพิจารณาเครื่องมืออย่างละเอียดรอบคอบเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาท้องถิ่นที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งวัฎจักรของภาคการเงินและธุรกิจนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นความไม่ลงรอยกัน นั่นหมายความว่า ความไม่สมดุลทางการเงินสามารถส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ รวมทั้งเกี่ยวโยงถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อด้วย

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ถ้อยแถลงล่าสุดของประธานอีซีบีที่ไม่ได้ให้รายละเอียดหรือสัญญาณการดำเนินนโยบายใหม่เกี่ยวกับโครงการเข้าซื้อพันธบัตร ถือว่ายังไม่มีอะไรที่แสดงถึงการดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายทางการเงิน ดังนั้น ตลาดจึงมีมุมมองว่าประธษนอีซีบีน่าจะเลือกดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงิน

·         รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า การเลือกตั้งของเยอรมนีที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้ นางอังเกลา แมร์เคล ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมยังคงมีคะแนนนำอย่างท่วมท้นเกินคู่แข่งอย่างพรรค SPD และอาจทำให้เธอได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีสมัยที่ 4

 โดยผลสำรวจล่าสุดของ ZDF แสดงให้เห็นว่า พรรค CDU/CSU ของนางแมร์เคลยังคงมีคะแนนนำที่ 36ขณะที่พรรคคู่แข่งSPD ร่วลง 1.5อยู่ที่ระดับ 21.5% ขณะที่พรรค AfD ที่เป็นพรรคต่อต้านกลุ่มผู้อพยพ ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับเลือกเป็นพรรคขวาจัดครั้งแรกในสภาในรอบกว่าครึ่งศตวรรษด้วยคะแนนนิยม 11% ในตอนนี้

·         เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งคว่ำบาตรฉบับใหม่ต่อเกาหลีเหนือ เพื่อต่อต้านโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ พร้อมเผยอาจมีมาตรการเพิ่มเติมจากสหรัฐฯอีกครั้ง

ความตึงเครียดของเกาหลีเหนือกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งระหว่างสองผู้นำของประเทศสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ หลังจากที่เมื่อวันอังคาร นายทรัมป์ เรียก นายคิม จองอึนว่า “Rocket man” ว่าเป็นผู้นำภารกิจฆ่าตัวตาย ขณะที่เช้านี้นายคิม ออกมาโต้ตอบนายทรัมป์ โดยเรียกเขาเป็น “คนสติฟั่นเฟือน”

·         รายงานจาก CNBC ระบุว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า เกาหลีเหนืออาจมีการพิจารณาทดสอบระเบิดไฮโดรเจนอีกครั้งในมหาสมุทรแปซิฟิก หรือขีปนาวุธ H-bomb ซึ่งเป็นขีปนาวุธขั้นสูงของประเทศเพื่อใช้ตอบโต้สหรัฐฯ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีคำสั่งให้ดำเนินการเช่นไรจาก นายคิม จอง อึน ผู้นำของเกาหลีเหนือ

·         รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีนเรียกร้องให้เกาหลีเหนือไม่ดำเนินการในทิศทางที่เป็นอันตรายด้วยโครงการอาวุธนิวเคลียร์ และกล่าวว่าการเจรจานั้นเป็นทางออกเดียวที่จะช่วยให้ก้าวออกจากวิกฤตการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ


·         สถาบันจัดอันดับ S&P Global Ratings ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงสู่ระดับ A+ จากระดับ AA- เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะระดับหนี้สินของประเทศจะเพิ่มสูงขึ้น โดยการปรับลดดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือนข้างหน้าที่จีนจะมีการจัดเลือกตั้งสมาชิกภายในพรรค Communist Party Congress หรือ CPC ที่มีแนวโน้มที่จะหาผู้นำคนสำคัญในการสับเปลี่ยนและกำหนดนโยบายพื้นฐานในอีก 5 ปีข้าง


·         ราคาน้ำมันดิบปิดในระดับทรงๆตัว ก่อนทราบผลการประชุมระหว่างกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างโอเปกและประเทศนอกโอเปก ที่กรุงเวียนนา ในวันนี้ ซึ่งจะมีการหารือกันว่าจะมีการปรับเพิ่มกำลังการปรับลดการผลิตจำนวน 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน หรือไม่เพื่อลดภาวะอุปทานของตลาดโลก

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลงเล็กน้อย 14 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.3ที่ระดับ 50.55 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 14 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.3% เช่นกัน ที่ระดับ 56.43 เหรียญ/บาร์เรล

ภาพรวมราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวขึ้นได้แล้วกว่า 15% ในช่วง 3 เดือนนี้ และมีปริมาการซื้อขายเหนือระดับ 56 เหรียญ/บาร์เรล จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ข้อตกลงของกลุ่มโอเปกนั้นกำลังเป็นไปด้วยดีที่ช่วยจำกัดภาวะอุปทานได้ 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com