· ค่าเงินดอลลาร์คืนวันศุกร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนจากความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่บีโอเจและสหรัฐฯยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายใดๆในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว โดยค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นมาแถวระดับ 112 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงมาบริเวณ 92.024 จุด แต่ภาพรวมก็ยังคงยืนได้เหนือระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งบริเวณ 91.011 จุด เมื่อวันที่ 8 ก.ย.
· เช้านี้ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงในตลาดเอเชีย หลังจากที่ผลการเลือกตั้งของเยอรมนีแสดงให้เห็นว่า พรรคขวาจัดที่ต่อต้านกลุ่มผู้อพยพมีเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้น ขณะที่พรรคฝ่ายซ้าย ของนางอังเกลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้รับชัยชนะเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 4 ตามคาดจากการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่อาจไม่ง่ายนักในการหาจัดตั้งพรรคหลังจากการที่พรรคขวาจัดได้คะแนนเสียงเข้าสู่สภาจำนวนมากด้วยเช่นกัน ดังนั้น การดำเนินงานต่อไปของเธอจึงน่าจะได้รับเสียงสนับสนุนน้อยลงบางส่วน
ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.3% ที่ระดับ 1.1922 ดอลลาร์/ยูโร และมีโอกาสทดสอบแนวรับ 1.1860 ดอลลาร์/ยูโรได้
· ขณะที่การเลือกตั้งของนิวซีแลนด์ พบว่า พรรคเนชั่นแนล ปาร์ตี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของนิวซีแลนด์ สามารถชนะการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาได้สำเร็จ ทว่าไม่ได้ครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด โดยหลังนับคะแนนเสร็จสิ้นทั้งหมด พรรคของนายกรัฐมนตรีบิล อิงลิช ได้ 58 ที่นั่งจากจำนวนสมาชิก 121 ที่นั่ง ส่วนพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นำโดยนางจาซินดา อาร์เดิร์น ได้ 45 ที่นั่ง ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองขึ้นมาทันที เมื่อทั้งพรรคเนชั่นแนลและพรรคแรงงาน ต้องแย่งกันตั้งรัฐบาลผสม ด้วยการโน้มน้าวพรรคอันดับ 3 คือพรรคนิวซีแลนด์ เฟิร์สต์ พรรคแนวประชานิยม ได้ 9 ที่นั่ง ซึ่งขณะนี้ นายวินสตัน ปีเตอร์ส หัวหน้าพรรค ยังไม่แสดงท่าทีว่าจะสนับสนุนพรรคการเมืองใด
· นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า เขายังคงเปิดกว้างสำหรับโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ แต่ก็ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับระดับการอ่อนตัวของเงิเนฟ้อในปัจจุบันที่อาจสร้างความยากลำบากต่อแนวโน้มการดำเนินงาน
· สมาชิกสภานิติบัญญัติระดับสูงของพรรครีพับลิกันในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะทำการเปิดเผยรายละเอียดของแผนภาษีฉบับใหม่ในวันศุกร์นี้ โดยอาจร่วมกับแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุเฮอริเคนในรัฐเท็กซัส ฟลอริดา หมู่เกาะเวอร์จิเนียร์ และเปอโตริโก รวมถึงพื้นที่อื่นๆที่ได้รับผลกระทบ
· คณะบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีท่าทีจะประสบกับความล่าช้าในการผลักดันนโยบายประกันสุขภาพที่จะมาแทนที่โอบามาแคร์อีกครั้ง โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมานายจอห์น แมคเคน และ นายแรนด์ พอล ส.ส.ประจำทำเนียบขาวทั้งสองคน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงขัดแย้งกับนโยบายของนายทรัมป์ โดยระบุว่า นายทรัมป์ต้องการจะผลักดันนโยบายดังกล่าวโดยใช้เส้นทางลัด
· วันเสาร์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือกล่าวว่า เป้าหมายการโจมตีด้วยขีปนาวุธไปยังแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจาก Mr.Evil President อย่างนายทรัมป์ ได้กล่าวหาว่าผู้นำเกาหลีเหนือเป็น Rocketman โดยถ้อยแถลงล่าสุดได้บ่งชี้ถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น
· อิหร่าน กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธชิ้นใหม่ที่สามารถยิงได้ไกล 2,000 กิโลเมตร (1,200 ไมล์) และอาจยังพัฒนาขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องแม้ว่าทางสหรัฐฯจะสร้างแรงกดดันให้ยุติโครงการทดลองดังกล่าว
ทั้งนี้ ทางสหรัฐฯมีการกำหนดบทลงโทษต่ออิหร่านที่ละเมิดต่อข้อมติของทางสหประชาชาติหรือ U.N. ในการหาทางแก้ไขการทดสอบขีปนาวุธ และได้เรียกร้องให้อิหร่านทำการยุติการดำเนินการดังกล่าว แต่อิหร่านก็ยังคงปฏิเสธที่จะระงับแผนการพัฒนาอาวุธ
· ทางการจีน กล่าวว่าจะทำการแบนการส่งออกสินค้าปิโตรเลียมบางส่วนให้แก่เกาหลีเหนือ รวมทั้งการนำเข้าสิ่งทอตามมติแนวทางแก้ไขปัญหาของสหประชาชาติ โดยอาจะมีการจำกัดสินค้าปิโตรเลียมที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. นี้ ซึ่งจะรวมไปถึงการส่งออกแก๊สธรรมชาติด้วยเช่นกัน ขณะที่การนำเข้าสินค้าหัถกรรมหรือสิ่งทอก็จะมีผลในวันที่มีการประกาศดังกล่าวเช่นกัน
· เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยกฎใหม่ในการควบคุมนักท่องเที่ยวที่เป็นพลเมืองของทางเกาหลีเหนือ เวเนซูเอล่า และสาธารณรัฐชาด และการเพิ่มข้อกฎหมายดังกล่าวส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ขณะที่นายทรัมป์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว มีขึ้นเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ชาวสหรัฐฯ
· สถาบันจัดอันดับมูดี้ส์ ทำการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ระดับ Aa2 โดยระบุว่า แผนของรัฐบาลอังกฤษดูเหมือนจะก่อให้เกิดหนี้สินอย่างหนัก ประกอบกับภาวะ Brexit ก็จะสร้างแรงกดดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
· อิตาลีปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า และอาจมีการปรับลดยอดงบดุลให้ลดลงให้ได้น้อยกว่าประมาณการณ์ครั้งก่อน
กระทรวงการคลังอิตาลี คาดว่า จีดีพีจะขยายตัวได้ 1.5% ในปีนี้ โดยปรับขึ้นจากประมาณการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 1.1%เพราะได้รับผลสะท้อนจากข้อมูลเศรษฐกิจทีดีขึ้นในช่วง 2 ไตรมาสแรก ประกอบกับความเชื่อมั่นทางภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวได้ 1.5% จากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ระดับ 1.0%
ทั้งนี้ แนวโน้มเชิงบวกทางเศรษฐกิจอาจช่วยหนุนให้พรรคเพื่อประชาธิปไตได้รับเสียงโหวตเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งช่วงต้นปีหน้า แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอิตาลียังคงล่าช้ากว่าประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ในยูโรโซน
· นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีแผนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแพ็คเกจใหม่โดยมีวงเงินประมาณ 2 ล้านล้านเยน (1.78 หมื่นล้านเหรียญ) ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยจะนำแผนดังกล่าวเข้าสู่สภาฯในวันนี้ โดยแผนดังกล่าวยังคงเน้นการเพิ่มค่าใช้จ่ายแก่การดูแลเด็ก การศึกษา และให้ครอบคลุมกับงบประมาณประจำปีในช่วง 3 ปี ที่จะเริ่มต้อนใช้ในเดือนเม.ย. ปีหน้า
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบว่า แผนของนายอาเบะ ถูกคาดการณ์ว่าจะเปิดเผยในช่วงสายวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นของประทเศ ขณะเดียวกันเขาอาจประกาศแผนการเลือกตั้งทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ 22 ต.ค. ด้วยก็เป็นได้
· ผลการประกาศข้อมูลภาคการผลิตของญี่ปุ่นประจำเดือนก.ย. ขยายตัวได้เร็วที่สุดในช่วง 4 เดือน ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นภายในประเทศและยอดการส่งออก จึงสะท้อนให้เห็นถึงภาวะอุปสงค์ที่แข็งแก่รง โดยดัชนี PMI เดือนก.ย.ออกมาที่ระดับ 52.6 จุด จากระดับ 52.2 จุด ในเดือนส.ค.
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นได้เกือบ 1% ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ท่ามกลางการประชุมล่าสุดของกลุ่มโอเปกและกลุ่มสมาชิกนอกประเทศโอเปกที่อาจรอให้ถึงเดือนม.ค. ก่อนจะทำการตัดสินใจอีกครั้งว่าจะขยายปริมาณการปรับลดกำลังการผลิตในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าหรือไม่
อย่างไรก็ดี อาจมีการตัดสินใจขยายกำลังการผลิตอีกครั้งในการประชุมเดือนพ.ย. ได้
· ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 43 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.8% ที่ระดับ 56.86 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 11 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.2% ที่ระดับ 50.66 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ภาพรวมรายสัปดาห์ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นได้ 2.2% และน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 1.5%