เกิดการโต้วาทีกันระหว่างบรรดาประธานเฟดสาขาต่างๆ นับตั้งแต่การประชุมเฟดครั้งล่าสุด ซึ่งประเด็นสำคัญที่ประธานเฟดมองแตกต่างกันออกไป คือทิศทางของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยส่วนหนึ่งมองว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มฟื้นตัวได้ช่วงเดือนถัดๆไป ขณะที่ส่วนหนึ่งมองว่าไม่มีทางเป็นไปได้
ถ้อยแถลงที่น่าสนใจในประเด็นดังกล่าว มาจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และนายชาลส์ อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก แม้ทั้งสองคนจะมีมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ก็ตาม
แต่ นายดัดลีย์ ซึ่งมองไปในทิศทางเดียวกันนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด โดยเขาเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามาถขยายตัวสู้ระดับเป้าหมายที่ 2% ได้แน่นอน ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และปริมาณอุปสงค์ในต่างประเทศที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จึงน่าจะสามารถหนุนการเติบโตของสหรัฐฯให้ขยายตัวได้เร็วกว่าเกณฑ์ที่คาดไว้
ขณะที่ มุมมองของนายอีวานส์ ซึ่งเป็นเสียงส่วนน้อยในที่ประชุมคณะกรรมาธิการนโยบายการเงินของเฟด ยังคงมีท่าทีกังวลเกี่ยวกับการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยให้ราคาสินค้าในประเทศไม่ขยายตัวเท่าทาควรนับมาตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้แล้ว แม้ตลาดแรงงานจะแข็งแกร่งก็ตาม
ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดโดย Reuters ประเมินโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. ปีนี้ ไว้ที่ 72%
อย่างไรก็ดี บรรดาคณะกรรมธิการนโยบายการเงินของเฟด ได้ออกมายอมรับว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอริเคนในช่วงที่ผ่านมาเร็วๆนี้ อาจส่งผลให้เฟดประเมินทิศทางของเศรษบกิขได้ยากลำบากขึ้นในช่วงเดือนต่อๆไป
ที่มา: Reuters