· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกต่อแผนปฏิรูปทางการเงินที่หนุนความเชื่อมั่นต่อความต้องการถือครองค่าเงินดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.47% ที่ระดับ 93.401 จุด หลังจากที่เมื่อวานนี้ทำระดับสูงสุดบริเวณ 93.607 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 23 ส.ค.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 2.31% จากระดับ 2.2%
ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้นแถวระดับ 112.76 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรเช้านี้อ่อนค่าลงเช่นกันบริเวณ 1.1737 ดอลลาร์/ยูโร
· ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงคลังปรับตัวขึ้นในเดือนส.ค. ท่ามกลางการลงทุนในภาคธุรกิจที่ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง จึงบ่งชี้ถึงทิศทางที่ดีของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
· ยอดอนุมัติขายบ้านปรับตัวลงในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 5 ในรอบ 6 เดือน ประกอบกับ The National Association of Realtors’ หรือ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์จากสหรัฐฯ หั่นคาดการณ์ยอดขายบ้านในปี 2017 โดยคาดว่าปีนี้จะขายได้ 5.44 ล้านยูนิต หรือปรับลดลง 0.2% จาก 5.45 ล้านยูนิตในปี 2016 และต่ำกว่าระดับคาดการณ์เดิมในช่วงต้นปีที่คาดว่าจะขายได้ 5.52 ล้านยูนิต เพราะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ และเออมาร์
· นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงภาวะ Overheatทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่เงินเฟ้อมีการอ่อนตัวเพียงชั่วคราว และอัตราคนว่างงานมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แม้ว่าเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ระดับ 1.4% และต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% แต่เฟดก็ควรทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากหากดำเนินการเร็วเกินไปก็มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการเร่งตัวเกินไปของเงินเฟ้อ หรือราคาสินทรัพย์และนั่นจะส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผชิญกับความผิดหวังครั้งล่าสุดหลังจากที่พรรครีพับลิกันยังคงล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายที่จะมาแทนที่ Obamacare โดยระบุว่าอาจมีการดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวอีกครั้งในปีหน้า และเป็นการสะท้อนว่า แผนปฏิรูปดังกล่าวยังคงไร้ซึ่งหลักฐานการโหวตเพื่อหามติผ่านร่างกฎหมาย เช่นเดียวกับคำสัญญาที่จะดำเนินการร่วมกับพรรคเดโมแครตในเวลาเดียวกัน
ขณะที่นายทรัมป์ มีการกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาจะดำเนินการลงนามคำสั่ง ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการลงนามในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการอนุมัติให้สามารถใช้สิทธิส่วนบุคคลเพื่อซื้อประกันสุขภาพได้
ทั้งนี้ นายทรัมป์ กล่าวว่า จะกลับเข้าหารือกฎหมายสุขภาพเผื่อผลักดันให้สามารถผ่านร่างกฎหมายได้ในช่วงต้นปีหน้า รวมทั้งจะทำการเจรจากับทางพรรคเดโมแครต หลังจากที่พรรครีพับลิกันยังคงล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายให้ผ่านความเห็นชอบจากทางวุฒิสภา ซึ่งนายทรัมป์ ปฎิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ที่ไม่สามารถทำตามสัญญาหลักที่ได้ให้ไว้ในช่วงหาเสียงเมื่อปี 2016 ได้ ซึ่งเขาได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวว่าจะดำเนินการกฎหมายสุขภาพอีกครั้งในเดือนม.ค. หรือก.พ. ปีหน้า
· สำหรับแผนปฏิรูปภาษีฉบับยกเครื่องของนายทรัมป์จะเป็นแผนการครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ ที่มีการเสนอให้ทำการปรับลดภาษีชาวอเมริกันส่วนใหญ่ แต่แผนดังกล่าวก็ได้รับเสียงวิจารณ์มากกว่าว่าเป็นแผนที่เอื้อต่อคนรวยและภาคบริษัทต่างๆ และอาจทำให้เกิดยอดขาดดุลเพิ่มสูงขึ้นกว่าล้านล้านเหรียญ
ทั้งนี้ แผนการดังกล่าวของนายทรัมป์และทีมบริหาร มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และก่อให้เกิดการสร้างงาน รวมทั้งการทำให้จ่ายภาษีง่ายขึ้นและมีความยุติธรรม แม้ว่าขณะนี้จะเผชิญกับความยากลำบากในการผลักดันให้ผ่านมติของสภาคองเกรส ซึ่งมีพรรครีพับลิกันเป็นผู้เสนอและพรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายค้าน
ใจความของแผนปฏิรูปภาษีอาจมีเการปรับลดภาษีรายได้ของกลุ่มบริษํท การปรับลดภาษีภาคธุรกิจขนาดเล็ก การลดระดับอัตราภาษีรายได้สำหรับนิติบุคคล รวมถึงบางส่วนที่มีการใช้จ่ายภาษี เพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อชาวอเมริกา โดยคาดว่าจะปรับลดภาษีบริษัทจากระดับ 35% สู่ระดับ 20% โดยอาจไม่สามารถปรับลดให้ต่ำกว่าที่นายทรัมป์ต้องการที่ระดับ 15% ได้ ขณะที่ภาษีนิติบุคคลคาดว่าจะหั่นลดลงมาจากระดับ 39.6% สู่ระดับ 35%
อย่างไรก็ดี ทางทำเนียบขาวและสมาชิกของพรรครีพับลิกัน ไม่ได้ให้ประมาณการณ์เกี่ยวกับจำนวนของแผนดังกล่าวว่าจะส่งผลให้เกิดยอดขาดดุลจำนวนมากเท่าใด ซึ่งหน่วยงาน CRFB ที่ไม่หวังผลกำไร ได้ออกมาประมาณการณ์ว่า แผนปฏิรูปภาษีของนายทรัมป์ที่จะส่งผลให้เกิดการปรับลดภาษีจำนวน 5.8 ล้านล้านเหรียญในรอบกว่าทศวรรษของการปรับลดภาษีทั้งหมด จะมีค่าใช้จ่ายสุทธิจำนวน 2.2 ล้านล้านเหรียญในปี 2027 จึงส่งผลให้นักวิเคราะห์บางส่วนออกมากล่าวเตือนว่า การปรับลดภาษีครั้งใหญ่อาจส่งผลให้เกิดภาวะพองตัวของยอดขาดดุลรวมทั้งระดับหนี้สิน ซึ่งหากคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกันในการชดเชยค่าใช้จ่ายไม่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ อาจก่อให้เกิดปัญหาท่ามกลางระดับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
· ผลสำรวจของรอยเตอร์ส ระบุว่า นายแจร์ บอลโซนาโร ผู้สมัครท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีบราซิลที่มีคะแนนตามมาเป็นลำดับที่ 2 ในขณะนี้ เป็นตัวแทนพรรคขวาจัด ซึ่งเขาถือเป็นบุคคลที่ต่อต้านชาวเกย์ มีแนวความคิดเห็นด้วยกับการพกอาวุธปืน และกล่าวเตือนว่าจีนกำลังจะทำการยึดอำนาจของบราซิล ซึ่งลักษณะนิสัยบางอย่างที่เหมือนนายทรัมป์ ทำให้เขาหวังที่จะเป็นประธานาธิบดีที่ได้รับการสนับสนุนของชาวบราซิล ที่กำลังเอือมระอากับนักการเมืองทุจริต และความย่ำแย่ของรัฐบาล
· ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลงจากระดับสูงสุดรอบ 26 เดือน โดยเมื้อคืนนี้ปิดลดลง 54 เซนต์ ที่ระดับ 57.9 เหรียญ/บาร์เรล หรือคิดเป็น -1% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 26 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.5% ที่ระดับ 52.14 เหรียญ/บาร์เรล และยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
ราคาน้ำมันดิบ Brent ร่วงลงต่อเมื่อคืนนี้ ขณะที่รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เปิดเผยโดย EIA พบว่า สัปดาห์ที่แล้วลดลง1.8 ล้านบาร์เรล แม้ว่าข้อมูลการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบจะช่วยหนุนราคาน้ำมัน แต่สต็อกแก๊สโซลีนกลับทะยานขึ้น ขณะที่สต็อกการกลั่นน้ำมันกลับปรับตัวลดลงมาน้อยกว่าที่คาดการณ์