นายไมค์ วิลสัน หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดหุ้นของ Morgan Stanley กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯดูจะปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับเป้าหมายได้แล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเป็นภาวะหมีขาลงได้ โดยคาดว่าดัชนี S&P500 มีโอกาสแตะระดับเป้าหมาย 2,700 เหรียญได้ในช่วงเริ่มต้นปีหน้าได้ และการเปิดเผยคาดการณ์นี้ ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดแรงเทขายลงมาในตลาดหุ้น จนกว่าดัชนีจะปรับขึ้นแตะเป้าหมายดังกล่าว แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะเกิดขึ้น คือ เราอาจเห็นดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงมาได้ประมาณ 20%
ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นกำลังได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ประกอบกับท่าทีของเฟด และคำสัญญาในการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายทรัมป์
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 น่าจะออกมาในเชิงบวก และอาจทำให้ตลาดได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ โดยเฉพาะหากนักลงทุนที่รอคอยการ Pullback อาจมีการกันเงินสำรองไว้เพื่อกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง ดังนั้น เรามีโอกาสเห็นดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวแถว 2,550 และ 2,575 เหรียญ ในช่วงก่อนทราบผลประกอบการไตรมาสที่ 3 นี้
อย่างไรก็ดี ยังคงมีความเสี่ยงที่ราคาจะร่วงลงมาประมาณ 5-6% จากแรง Pullback ก่อนที่ S&P500 จะดีดกลับขึ้นแตะระดับเป้าหมาย 2,700 เหรียญ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายเดือนต.ค. หรือช่วงต้นเดือน พ.ย.
ขณะที่การหารือเรื่องการปฏิรูปภาษีอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงเทขาย หากว่าทางสภาคองเกรสยังมีมติไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงหรือข้อกำหนดหลักใดๆ ซึ่งการเผยแผนภาษีเมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นถึงการปรับลดเงื่อนไข 7 ส่วนของ อัตราภาษีนิติบุคคล ที่กำหนดโดยทางพรรครีพับลิกันและทางทำเนียบขาว ให้ลดลงเหลือเพียง 3 ส่วน รวมทั้งปรับลดภาษีบริษัทที่ระดับ 20% แต่ภาพรวมแล้วก็ยังคงขาดรายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ
สรุปได้ว่า เรามีโอกาสเห็นดัชนีปรับขึ้นก่อนที่ระดับ 2,700 จุด และจากนั้นจะเป็นช่วงเวลาของวัฏจักรขาลงซึ่งอาจเห็นได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า โดยหากคาดการณ์นี้ถูกจะเห็นดัชนีร่วงลงมา 20% จากระดับ 2,700 จุด สู่ระดับประมาณ 2,250 จุด ซึ่งหากดัชนี S&P500 บรรลุเป้าหมาย 2,700 จุดได้ ก็จะถือเป็นการเพิ่มขึ้น 300% จากระดับต่ำสุดในยุควิกฤตช่วงเดือนมี.ค. ปี 2009
ที่มา: CNBC