การร่วงลงของราคาทองคำเมื่อไม่นานมานี้ดูจะยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดลง โดยราคาทองคำเผชิญแรงเทขายจากเฟดที่บ่งชี้ว่าจะยังคงทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ทั้งสัญญาณจากรายงานประชุมเฟดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาประกอบกับถ้อยแถลงของประธานเฟดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์จาก Societe Generale มองว่า ราคาทองคำมีโอกาสจะอ่อนตัวลงต่อในลักษณะ Reversal และมีโอกาสเป็นลักษณะของแนวโน้มขาลง โดยทองคำมีโอกาสจะกลับลงมาเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,200 – 1,250 เหรียญ ขณะที่ราคาทองคำในขณะนี้เคลื่อนไหวแถวระดับประมาณ 1,286 เหรียญ ซึ่งภาพรวมการปรับตัวลงของราคามาจากทิศทางการดำเนินนโยบายของเฟด
ไม่เพียงแต่ความเป็นไปได้ในระดับสูงที่เฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. เท่านั้น แต่คาดการณ์ Dot-plot ของเฟดซึ่งเป็นคาดการณ์จากสมาชิกเฟดรายบุคคลก็ยังบ่งชี้ว่าเฟดยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จำนวน 3 ครั้งในปีนี้ นั่นหมายความว่า มีโอกาสจะเห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้น และทิศทางทั้งหมดถือเป็นปัจจัยที่กดดันต่อราคาทองคำ
นักวิเคราะห์จาก Price Futures Group บ่งชี้ว่า ทิศทางของทองคำอาจเป็นขาขึ้นได้ในระยะยาว เนื่องจากการอ่อนตัวลงในช่วงนี้มีจุดเริ่มต้นจากการรับรู้ข่าวเฟดที่จะดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงิน แม้ว่าสมาชิกเฟดจะมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อแต่ก็ดูเหมือนจะกังวลน้อยลงกว่าที่ผ่านๆมา ซึ่งหากเฟดยุติความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ เมื่อนั้นก็จะกลับสู่คำถามที่เราควรเริ่มกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ดังนั้น เราจึงมีโอกาสเห็นทองคำปรับตัวสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์บางรายก็แสดงมุมมองในทิศทางเดียวกับความคิดเห็นข้างต้น เนื่องจากทองคำอาจกลับมาเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯกำลังหาวิธีจ่ายเงินชดเชยผู้ประสบภัยหลังประสบภาวะเฮอริเคน เราจึงอาจเห็นราคาอาหารปรับสูงขึ้นและเป็นผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจในภูมิภาคได้ และหากมีการเพิ่มยอดนำเข้าสู่ร้านสะดวกซื้อหรือ Supermarket ก็มีโอกาสจะเห็นเงินเฟ้อ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อจะส่งผลให้เฟดดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เราจะเห็นความแตกต่างออกไปในลักษณะที่ว่า เมื่อเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้ในปีหน้าเช่นกัน
ที่มา: Kitco