· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้น 40.49 จุด หรือคิดเป็น +0.18% ที่ระดับ 22,381.2 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.12% ที่ระดับ 2,510.06 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด +0.19% ที่ระดับ 6,453.45
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของดัชนี S&P500 ที่ยังทำสติถิปรับตัวขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับอานิสงส์จากหุ้นบริษัท McDonald’s และหุ้นกลุ่มสุขภาพที่ปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ยังคงมีความคาดหวังว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะสามารถจัดการเรื่องแผนปฏิรูปภาษีได้
· นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อเสนอของนายทรัมป์ในการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้อยู่ที่ระดับ 20% นั้น จะไม่ทำการต่อรองใดๆเพิ่มเติม แม้ว่าแผนปฏิรูปภาษีดังกล่าวจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและคนรวย และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะเห็นยอดขาดุลเพิ่มขึ้นกว่าล้านล้านเหรียญ
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันในเช้านี้ หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่ากลับลงมาอีกครั้ง ท่ามกลางตลาดที่ตอบรับกับมุมมองของแผนปฏิรูปภาษี ขณะที่ตลาดเอเชียบางส่วนตอบรับกับข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
· ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.19% ในเช้านี้ หลังค่าเงินเยนกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ประกอบกับข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (Core CPI) ของญีปุ่นประจำเดือนส.ค. ปรับตัวสูงขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และถือเป็นการปรับขึ้นติดต่อกัน 8 เดือน จึงส่งสัญญาณอันดีถึงบีโอเจในความพยายามผลักดันเงินเฟ้อให้แตะระดับเป้าหมาย 2% ขณะที่ภาพรวมการขยายตัวรายปีของเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ 2.5% ในไตรมาสที่ 2 เพราะได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคและภาคบริษัทที่ปรับตัวสูงขึ้น
· นักบริหารเงิน มองว่า วันนี้เงินบาทจะยังมีแนวโน้มอ่อนค่า หลังจากที่ข้อมูลจีดีพีของเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีขึ้น โดยคาดการณ์เคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-33.50 บาท/ดอลลาร์