ทำเนียบขาวกำลังได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปภาษี โดยหลายๆฝ่ายกล่าวหาว่านโยบายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะเป็นการช่วยประชาชนที่มีฐานะร่ำรวย ขณะที่ประชาชนที่มีฐานะปานกลางลงมาจะได้รับผลกระทบในทางลบ
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อ้างว่านโยบายปฏิรูปภาษีคือ “ปาฏิหาริย์สำหรับชนชั้นกลาง” ขณะที่นายแกรี่ โคน ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ เผยว่ายังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ประชาชนที่มีฐานะปานกลางทุกคนจะได้รับการลดหย่อนภาษี
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินว่า หากนโยบายปรับลดภาษีผ่าน จะส่งผลให้ภาครัฐมีรายได้ลดน้อยลงกว่า 5 ล้านล้านเหรียญ ในอีก 10 ปี ซึ่งระดับหนี้ของสหรัฐฯในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 20 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งพรรครีพับลิกันไม่ได้มีการให้สัญญาณใดๆที่จะมีการเข้ามาแก้ปัญหาในจุดนี้แต่อย่างใด ขณะที่มุ่งเน้นแต่เพียงการปรับลดภาษีเพียงอย่างเดียว
เดิมที ระดับภาษีที่คณะบริหารของนายทรัมป์ตั้งใจจะปรับลดลง มีดังต่อไปนี้
1. ปรับลดภาษีสำหรับนิติบุคคลจากเดิม 35% สู่ระดับ 20%
2. ปรับลดภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กจากเดิม 39.6% สู่ระดับ 25%
3. ปรับลดภาษีสำหรับบุคคลแนวหน้า จากเดิม 39.6% สู่ระดับ 35%
อย่างไรก็ดี คณะบริหารของนายทรัมป์ก็ยังไม่ได้มีการประเมินเรื่องของรายได้ส่วนบุคคลกับอัตราภาษีที่ต้องชำระแต่อย่างใด
ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้นโยบายปฏิรูปภาษีมีผลบังคับใช้จริงภายในเดือนมกราคม ปี 2018 ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าจะเป็นไปได้ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2018