· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้น 23.89 จุด หรือคิดเป็น +0.11% ที่ระดับ 22,405.09 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.37%ที่ระดับ 2,519.36 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.66% ที่ระดับ 6,495.96 จุด
ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ยังคงทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่ปิดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในวันสุดท้ายของไตรมาสที่ 3
ทั้งนี้ ดัชนี S&P500 และดัชนีดาวโจนส์ในไตรมาสที่ 3 สามารถทำสถิติปิดขึ้นระดับสูงสุดต่อเนื่อง 8 วันทำการ ขณะที่ดัชนีNasdaq ทำไปได้แค่ 5 วัน โดยภาพรวมดัชนีดาวโจนส์ในไตรมาสที่ 3 ปรับขึ้นได้ 4.9% ขณะที่ดัชนี S&P500 ขยับขึ้นได้ 4%และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นได้ 5.8%
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ดีสัปดาห์นี้ตลาดหลักหลายๆแห่งปิดทำการ โดยตลาดหุ้นจีนทั้งสัปดาห์เนื่องจากวันชาติจีน (Golden Week) เกาหลีและฮ่องกง หยุดทำการวันเทศกาลไหว้พระจันทร์
· ดัชนี Nikkei ปรับตัวสูงขึ้น 0.1% ที่ระดับ 20,374.36 ในช่วงต้นตลาด ขณะที่ดัชนี Topix ปรับตัวลง 0.05% ที่ 1,673.96จุด
· นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ อยู่ที่ระหว่าง 33.25-33.55 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดให้ความสนใจไปยังถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟดอื่นๆ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนก.ย. และยอดสั่งซื้อของโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามตัวเลขดัชนี PMI เดือนก.ย. ของประเทศอื่นๆด้วย