• 3 ปัจจัยที่อาจเปลี่ยนทิศทางของตลาดการเงินสหรัฐฯ

    2 ตุลาคม 2560 | Economic News


 

นักวิเคราะห์จาก CNBC ประเมินว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯในไตรมาสที่ 4/2017 อาจเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสสูงขึ้นในขณะเดียวกัน

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับตลาดหุ้น ได้ปรับสูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก่อนจะสิ้นไตรมาสที่ 3/2017โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ทรงตัวที่บริเวณ 2.33% ในคืนวันศุกร์หลังจากที่ปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 2.35% เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ทรงตัวที่บริเวณ 1.47% ในคืนวันศุกร์หลังจากที่ปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1.49% เมื่อวันพฤหัสบดี

นักวิเคราะห์ได้มองว่ามีปัจจัย 3 ตัวที่เป็นผลทำให้เกิดปรากฏการร์ดังกล่าว ได้แก่

1. แนวโน้มการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินของเฟด กล่าวคือ ตลาดมองโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมล่าสุดอยู่ที่ 70% ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ก็ได้ให้สัญญาณถึงการปรับดอกเบี้ยให้เป็นระดับปกติ พร้อมระบุว่าอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ขยายตัวเท่าที่คาดว่ายังเป็น”ปริศนา” รวมถึงการประกาศปรับลดพอร์ตงบดุลเมื่อการประชุมครั้งที่ผ่านมา

2. เฟดไม่ใช่ธนาคารกลางแห่งเดียวที่เริ่มออกจากนโยบายผ่อนคลายการเงิน ธนาคารกลางประเทศอื่นๆก็ได้เริ่มส่งสัญญาณคุมเข้มการเงินเช่นกัน โดยเฉพาะธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางยุโรปซึ่งมีแนวโน้มที่อาจประกาศลดการเข้าซื้อพันธบัตรในเดือนตุลาคมนี้

3. นโยบายปฏิรูปภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่นักลงทุนคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการขาดรายได้ของภาครัฐและปริมานหนี้ที่สูงขึ้น ดังนั้น ทั้งยอดขาดดุลและระดับหนี้จะเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น


ที่มา: CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com