• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่สูงขึ้นจากสัญญาณการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม จึงช่วยหนุนโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค.ปีนี้
โดยดัชนีดอลลาร์ปรับสูงขึ้น 0.3% ที่ระดับ 93.848 จุด เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นสู่ระดับ 2.351% โดยทำจุดสูงสุดที่ระดับ 2.371% ซึ่งระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา
ส่วนค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.2% ที่ระดับ 1.1708 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนปรับอ่อนค่าลง 0.35% สู่ระดับ 112.660 เยน/ดอลลาร์ ก่อนจะกลับขึ้นมาทรงตัวที่บริเวณ 113.150 เยน/ดอลลาร์
• นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวในที่ประชุมของบริษัทฯ American International Group Inc. โดยระบุว่า มีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยที่คุกคามต่อเสถียรภาพทางการเงิน จากการลดสินทรัพย์มูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญ
ขณะที่ถ้อยแถลงเกี่ยวกับข้อกำหนดอื่นๆต่อกระบวนการทางการเงินของบริษัทฯ ยังคงไม่ชัดเจนและยังไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่า ภาคธนาคารขนาดใหญ่และบริษัทประกันจะต้องปรับลดจำนวนมากเท่าใดเพื่อจัดการกับภาวะความเสี่ยงทางด้านระบบ
• เครื่องมือ Fedwatch ของ CME Group ประเมินโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ไว้ที่ระดับ 71% เทียบกับระดับ 42% เมื่อเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินดอลลารืปรับแข็งค่าขึ้นมา 3% ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
• นักกลยุทธ์ค่าเงินประจำสถาบัน Commerzbank กล่าวว่า การซื้อขายในตลาดเกิดภาวะ Divergence ระหว่างการดำเนินเฟดและอีซีบีเกี่ยวกับการถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จนกว่าเราจะมีความชัดเจนจากถ้อยแถลงของอีซีบีเกี่ยวกับเรื่องการลดขนาดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง จึงมีโอกาสเห็นค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นอีกครั้งเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร
• นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า การดำเนินการของเฟดไม่ได้วัดจากปัจจัยชั่วคราว และเรามีการประุเมินถึงการอ่อนตัวของเงินเฟ้อ ดังนั้น เฟดควรรอที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับเป้าหมาย 2%
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และบรรดาส.ส.ระดับสูง ได้พูดคุยเกี่ยวกับทิศทางต่อไปของนโยบายการป้องกันชายแดนและนโยบายด้านการอพยพเข้าประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น การพูดคุยครั้งนี้น่าจะส่งผลต่อไปในนโยบายปฏิรูปการอพยพที่คณะบริหารจะผลักดันในอนาคต
• ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นคาตาโลเนียและประเทศสเปนดิ่งลงสู่ระดับเลวร้าย ภายหลังจากการลงมติแยกตัวเป็นอิสระจากรัฐบาลสเปนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาของชาวคาตาโลเนีย ท่ามกลางการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ชุมนุมชาวคาตาโลเนีย ที่ส่งผลให้มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายร้อยราย
•· นักวิเคราะห์คาด เหตุความไม่มั่นคงในแคว้นคาตาโลเนีย ประเทศสเปน หลังจากการลงมติประกาศเป็นอิสระจากรัฐบาลสเปนของชาวคาตาลอนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา น่าจะส่งผลให้ตลาดสเปนมีการเคลื่อนไหวเบาบางไปอีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากแคว้นคาตาโลเนียถือเป็นแคว้นที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดในประเทศ
• ราคาน้ำมันปรับลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางสัญญาณเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่มีมากเกินอุปสงค์ของตลาดยังคงกดดันความเชื่อมั่นในตลาดอยู่
โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.3% ที่ระดับ 50.43 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ปรับลดลง 2.1% เมื่อวานนี้ ขณะที่ภาพรวมรายไตรมาสที่ 3/2017 ปรับเพิ่มขึ้นได้ 12% ซึ่งเป็นอัตราการปรับขึ้นที่มากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2016
ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.5% ที่ระดับ 55.86 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ปรับลดลง 1.2% เมื่อวานนี้ ขณะที่ภาพรวมรายไตรมาสที่ 3/2017 ปรับเพิ่มขึ้นได้ 20% ซึ่งเป็นอัตราการปรับขึ้นที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2004