· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์บริเวณ 1,272.04 เหรียญ หลังจากที่เมื่อวานนี้ปรับตัวลงไปแถวระดับ 1,267.76 เหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 15 ส.ค. หรือร่วงลงกว่า 6% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในช่วงต้นเดือนก.ย. บริเวณ 1,357.54 เหรียญ ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดวานนี้
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังถูกกดดันจากภาพรวมของข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ที่หนุนกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ จึงเป็นปัจจัยที่หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯนั้นแข็งค่า
· กองทุน SPDR ทำการเทขายทองคำอีก 5.03 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 854.3 ตัน
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ของตลาด COMEX ปิดลดลง 1.2 เหรียญ หรือคิดเป็น -0.1% ที่ระดับ 1,274.6 เหรียญ หลังจากลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบเดือนบริเวณ 1,271 เหรียญ
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า นักลงทุนไม่ต้องการทำกำไรต่ำกว่าระดับ 1,267.76 เหรียญ เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของประธานเฟดคนต่อไป รวมไปถึงเงินเฟ้อ ที่อาจส่งผลต่อความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค.
· เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group แสดงให้เห็นว่า ตลาดประเมินโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ไว้ประมาณ 77% หลังจากที่ข้อมูลกิจกรรมภาคการผลิตเมื่อวันจันทร์ออกมาสดใส
· ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวขึ้นในแดนบวกทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ช่วยหนุนให้เกิดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
· นักวิเคราะห์จากจูเลียส เบเออร์ มีมุมมองว่า ปัจจจัยที่เคยหนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นแถว 1,360 เหรียญในช่วงต้นเดือนก.ย. ในขณะนี้ดูเหมือนจะกลับด้านกัน ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโมจะแข็งค่า และโดยทั่วไปนักลงทุนเริ่มปรับสถานะการลงทุนในทองคำ จึงมีโอกาสเห็นราคาทองคำร่วงลงแตะระดับ 1,200 เหรียญได้ในช่วงสิ้นปีนี้
· ราคาซิลเวอร์ปิด +0.4% ที่ระดับ 16.60 เหรียญ แต่ระดับราคาก็ยังคงเคลื่อนไหวใกล้กับระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 9 ส.ค.
· ราคาแพลทินัมปิด +0.2% ที่ระดับ 912.40 เหรียญ หลังจากที่ร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 4 ก.ค. บริเวณ 0.8%ขณะที่ราคาพลาเดียมปิด +0.8% ที่ระดับ 916.60 เหรียญ หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 904 เหรียญ