· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรเมื่อวานนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ทำการปิดสถานะหลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัวติดต่อกัน 3 สัปดาห์ และก่อนที่จะทราบรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯประจำเดือนก.ย. ในวันศุกร์นี้
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งประกอบกับข้อเสนอต่อแผนปฏิรูปภาษีมีแนวโน้มจะหนุนให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกครั้งในเดือนธ.ค.นี้ และมีโอกาสที่จะหนุนให้ราคาทองคำปรับแข็งค่าขึ้นดังเช่นในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีดอลลาร์กลับมาทรงตัวบริเวณ 93.603 จุด จากระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งวานนี้บริเวณ 93.848 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 112.84 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมาประมาณ 0.2% ที่ระดับ 1.17583 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์เฝ้ารอดูความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะ Divergence กันระหว่างทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯและยุโรป จากท่าทีของอีซีบีที่ดูจะมีความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายมากขึ้น
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวผสมผสานกัน ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ให้ความสนใจต่อถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ สมาชิกบอร์ดบอริหารของเฟด โดยจะเห็นได้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐฯอ่อนตัวลงมาที่ระดับ 2.332% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้น 2.8777%
· นายเจอโรม โพเวลล์ สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด หรือหนึ่งในตัวเลือกของนายทรัมป์ สำหรับว่าที่ประธานเฟดคนต่อไป ยังกล่าวย้ำและแสดงความมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดเงื่อนไขของกฎ Volcker Rule ที่มีข้อห้ามมิให้ภาคธนาคารเก็งกำไรจากเม็ดเงินของตนเอง
· แผนปฏิรูปภาษีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯดูจะไม่ราบรื่นเท่าไหร่นักและยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จาก 2 ผู้บริหาระดับสูงของตลาดการเงินสหรัฐฯ นำโดย นายวอเร็น บัฟเฟต์ นักลงทุนมหาเศรษฐีรายใหญ่ และนายแลรี ฟิงก์ ประธานบริหารจาก BalckRock ที่กำลังเกิดคำถามว่าพรรครีพับลิกันจะดำเนินการปรับลดเช่นไรเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชนชั้นกลางชาวอเมริกา พร้อมบ่งชี้ว่า หากมีการสอบถามแต่ละบริษัทฯหรือองค์กรต่างๆอาจไม่สามารถปรับลดได้มากเท่าที่พรรครีพับลิกันเสนอได้
ทั้งนี้ นายฟิงก์ มองว่า ภาษีนิติบุคคลที่อยู่ในระดับสูงบริเวณ 27% อาจช่วยตอบสนองต่อภาคธุรกิจของสหรัฐฯได้ผ่านการจ่ายภาษี ขณะเดียวกันเพื่อหลีกเลี่ยงการขยายตัวของยอดงบดุล
· รัฐบาลกลางอิรักมีการประกาศระงับการขายค่าเงินดอลลาร์ให้เข้าสู่ภาคธนาคารของชาวเคิร์ดในอิรัก และสั่งแบนการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านระบบ ATM ในภูมิภาค ซึ่งเป็นหนึ่งในบทลงโทษสำหรับชาวเคิร์ดที่ลงประชามติโหวตแยกตัวเป็นเอกราช
ทั้งนี้ รัฐบาลกลางอิรักใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินมาเสริมหลังจากที่มีการระงับการเดินทางผ่านท่าอากาศยานนานาชาติเพื่อเดินทางในภูมิภาค
· ภาคบริการของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน จากคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่ลดลงแม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่อาจชะลอตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสที่ 3
โดยผลสำรวจจาก Markit/Nikkei ชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภารบริการในญี่ปุ่นปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.0 จุด ในเดือนก.ย. จากระดับ 51.6 จุดในเดือนส.ค.
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง จากนักลงทุนที่ทำการเทขายทำกำไรติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแก่รงในไตรมาสที่ 3 และความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันที่อาจไปกระตุ้นให้การผลิตน้ำมันจากถ่านหินหรือ Shale Oil ของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 12 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.2% ที่ระดับ 56 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลง 2.5% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 16 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.3% ที่ระดับ 50.42 เหรียญ/บาร์เรล