• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้าง ว่าว่าที่ประธานเฟดคนต่อไปที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเลือกมา อาจเป็นคนที่ดำเนินนโยบายการเงินที่ไม่คุมเข้มเท่ากับตัวเต็งๆคนก่อนหน้า โดยดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.2% ที่ระดับ 93.437 จุด เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ ร่วงลงจากระดับ 93.92 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อวานนี้
ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ระดับ 1.1762 ยูโร/ดอลลาร์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนปรับอ่อนค่าลง 0.3% ที่ระดับ 112.55 เยน/ดอลลาร์
• กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เตือน ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดวิกฤตการเงินในระยะกลาง
โดย IMF กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวในระยะสั้นๆ แต่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค และภาคการเงินในระยะกลาง”
• ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวในปี 2017 ได้ 6.7% จากเดิม 6.5% และปี 2018 ที่ระดับ 6.4% จากเดิม 6.3% นอกจากนนี้ยังปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจบางประเทศในอาเซียน ได้แก่ ไทยและมาเลเซีย
อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจประเทศพม่าลง 0.5% สู่ระดับ 6.4% และ 6.7% ตามลำดับ รวมถึงประเทศฟิลิปปินส์ก็ถูกปรับลดคาดการณณืการเติบโตเช่นกัน
• ประธานกลุ่มบริษัท Goldman Sachs เผย เขาเปิดกว้างสำหรับการลงทุนกับ Bitcoin หลังมีรายงานข่าวว่าธนาคารเพื่อการลงทุนกำลังศึกษาระบบการลงทุนด้วยสกุลเงินดิจิทอล (Cryptocurrencies)
• รายงานผลประกอบการของบรรดาผู้ค้ารถยนตร์ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ พบว่ามียอดขายรถยนตร์และอะไหล่สูงขึ้นในเดือนก.ย. โดยเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาวี่ย์ ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรถยนตร์ของประชาชน จึงไปหนุนให้เกิดการซื้อรถใหม่หรือเปลี่ยนอะไหล่ทดแทน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้ประเมินความเสียหายที่เกิดกับรถยนตร์ โดยมีรถยนตร์ประมาณ 500,000 คันถูกทำลายหรือเสียหายจากเฮอริเคนฮาวีย์ และอีกประมาณ 200,000 คันจากเฮอริเคนเออร์มา
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงในวันนี้ โดยถูกกดดันจากเหล่านักลงทุนที่ทำการเทขายทำกำไรหลังราคาปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแก่รงในไตรมาสที่ 3
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 0.5% ที่ระดับ 50.16 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง 0.4% ที่ระดับ 55.78 เหรียญ/บาร์เรล