· ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงลง ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จากข่าวการเตรียมทดสอบขีปนาวุธพิสัยระยะไกลจากทางเกาหลีเหนือ ขณะที่ข้อมูลภาคแรงงานโดยรวมในเดือนก.ย. ได้เพิ่มแนวโน้มให้เฟดอาจตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในเดือนธ.ค.
ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงประมาณ 0.17% และเช้านี้อยู่ที่ระดับ 93.75 จุด ทางด้านค่าเงินยูโรรีบาวน์กลับมาได้ 0.2% ที่ระดับ 1.1733 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าลงมา 0.16% ที่ระดับ 112.63 เยน/ดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับลดลงสู่ระดับ 2.3697% หลังจากที่ขึ้นไปยืนเหนือ 2.4%
· กระทรวงแรงงาน เผยข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ พบว่า ผลกระทบของพายุเฮอริเคนในรัฐเท็กซัส, ฟลอริดา และเขตใกล้เคียง ได้ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนการจ้างงานมากถึง 33,000 ตำแหน่ง หรือเข้าสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี (ตามภาพประกอบด้านล่าง)
อย่างไรก็ดี บรรดานักเศรษฐศาสตร์มองว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งโดยภาพรวมของตลาดแรงงานนั้นปัจจัยพื้นฐานยังคงมีความแข็งแกร่ง
ขณะที่ข้อมูลภาคแรงงานอื่นๆยังคงออกมาดี อันได้แก่ อัตราการว่างงานประจำเดือนก.ย. ร่วงลงแตะ 4.2% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2001 และข้อมูลอัตราค่าแรงเมื่อเทียบรายปีขยายตัวได้ 2.9% แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ยังไม่แน่นอนเพราะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเช่นกัน
· แม้ข้อมูลตลาดแรงงานจะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ และเออมาร์ แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยังแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ โดยระบุในทวิตเตอร์ว่า ตลาดหุ้นยังคงมีการทำ All-Time High! ในขณะที่อัตราการว่างงานลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี
· นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า เฟดต้องรับมือกับ “ความตึงตัวมากเกินไป” ของตลาดแรงงานในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือแม้แต่ความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
· นายวิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก แสดงความแปลกใจต่อระดับเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และพายุเฮอริเคน ที่อาจสร้างความผันผวนให้แก่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่เขาก็ยังมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ภสาพเศรษฐกิจยังเหมาะสมที่จะถอนนโยบายการผ่อนคลายทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป
· นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ แสดงความวิตกกังวลเพิ่มมากเกี่ยวกับความคิดเห็นของสมาชิกเฟดที่กระตือรือร้นจะเพิ่มดอกเบี้ยท่ามกลางการอ่อนตัวของเงินเฟ้อที่อาจทำให้เราดำเนินนโยบายผิดไปและอาจส่งผลต่อความกังวลต่อเป้าหมายของเฟด
· ส.ส.ชาวรัสเซียได้ที่เดินทางไปร่วมประชุมในเกาหลีเหนือเผยว่า เกาหลีเหนือกำลังเตรียมการที่จะทดสอบขีปนาวุธระยะไกลในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งทางเกาหลีเหนือได้อ้างว่าขีปนาวุธดังกล่าวสามารถยิงได้ไกลถึงฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯได้ปรับตัวสูงขึ้น หลังตลาดได้รับทราบข่าวความเป็นไปได้ของการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ จึงส่งผลให้บรรดานักลงทุนมีการย้ายการลงทุนเข้ามาในสินทัพย์ปลอดภัยบางส่วน
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า “สิ่งเดียวที่จะบรรลุให้เกิดผล” คือการติดต่อกับเกาหลีเหนือ หลังจากที่ทีมบริหารของนายทรัมป์ที่เข้าเจรจากับทางเกาหลีเหนือยังคงปราศจากผลลัพธ์ แต่ข้อความของนายทรัมป์ก็ยังไม่ชัดเจนพอถึงสิ่งที่กล่าวอ้างถึง และการส่งสารดังกล่าวดูเหมือนจะบ่งชี้ว่า นายทรัมป์ต้องการเลือกที่จะใช้กำลังทหาร
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็มีการประกาศว่าอาจทำการเปิดโอกาสการปรับลดข้อตกลงจำนวน 1 ปี หรือ 2 ปี กับทางพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเดโมแครต เพื่อให้สามารถเริ่มจัดการกับแผนปฏิรูประบบประกันสุขภาพหรือโครงการ Healthcare ได้ ซึ่งถือเป็นแคมเปญหลักที่นายทรัมป์เคยให้สัญญาไว้ในช่วงหาเสียง
· นางยูริโกะ โกอิเกะ กล่าวว่า พรรคใหม่ของเทอมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงได้มีทางเลือกที่เป็นกลาง หากต้องการหาความแตกต่างจากพรรคของเธอ ซึ่งถือเป็นพรรคอนุรักษ์เสรีนิยมประชาธิปไตยที่มีขนาดเล็ก และเป็นเสมือนพรรคฝั่งซ้าย
· นาย แมนเฟรด วีเบอร์ หัวหน้าพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมประจำสภาสหภาพยุโรป กล่าวว่ากรณีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลสเปนและแคว้นคาตาโลเนียที่ต้องการประกาศเอกราช อาจขยายตัวกลายเป็นวิกฤติทางการเมืองของทั้งทวีปยุโรปได้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายเร่งจัดการเจรจาอย่างสันติโดยไว
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 2% ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เริ่มทำการ Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากกระแสคาดการณ์ว่าปริมาณการขุดเจาะน้ำมันในอนาคตอาจสูงขึ้น
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 1.38 เหรียญ หรือคิดเป็น -2.4% ที่ระดับ 55.62 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลให้ภาพรวมรายสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 3.3% หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นมาติดต่อกัน 5 สัปดาห์
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.5 เหรียญ หรือคิดเป็น -3% ที่ระดับ 49.29 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลให้ภาพรวมรายสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 4.6%