· ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.13% ที่ระดับ 22,871.72 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิด +0.09% ที่ระดับ 2,553.17 จุด และดัชนีNasdaq ปิด +0.22% ที่ระดับ 6,605.8 จุด ซึ่งดัชนี Nasdaq ยังคงปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นได้ 0.4% ดัชนี S&P500 ปรับขึ้นได้ 0.2% และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นได้ 0.2% ซึ่งยังถือเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่อง 3 สัปดาห์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปิดปรับตัวสูงขึ้นได้ในคืนวันศุกร์อันเนื่องมาจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯยังอยู่ในทิศทางที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยปรับตัวขึ้นจึงทำให้ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้นติดต่อกัน 5 สัปดาห์
· ข้อมูลยอดค้าปลีกในเดือนก.ย. มีการรีบาวน์ขึ้น ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นที่สำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ม.ค.ปี 2004 และถึงแม้ว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์หรือปรับเพิ่มมากที่สุดในรอบ 8 เดือน หลังจากที่เผชิญกับพายุเฮอริเคน แต่ภาพรวมตลาดยังมองว่าเงินเฟ้อนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ
· ดัชนีมาตรวัดความผันผวนของตลาดหรือ VIX ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์และปิดตลาดที่ระดับ 9.61 จุดในคืนวันศุกร์
· ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยข้อมูลเงินเฟ้อจีนในเช้านี้
· ดัชนีนิกเกอิเปิดปรับขึ้นต่อ หลังจากที่วันศุกร์ที่ผ่านมาทำระดับสูงสุดในรอบ 21 ปี โดยมีการเทรดในตลาดชิคาโกที่ 21,280 จุด ขณะที่ในโอซากาซื้อขายที่ 21,220 จุด ภาพรวมปิดตลาดที่ 21,155.18 จุด และเช้านี้เปิดมาแถว 21,319.02 จุด
· นักวิเคราะห์แนะนำให้จับตาการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ประจำปีครั้งที่ 19 ของรัฐบาลจีนที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 18 ต.ค. นี้ ขณะที่ตลาดก็จะจับตาดูการประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของจีนในสัปดาห์เช่นกัน
· ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์การเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ (16-20 ต.ค.) ไว้ที่ 33.00-33.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยต้องจับตาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียและเฟดสาขานิวยอร์กเดือนต.ค. ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีราคานำเข้าและส่งออก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย. ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือน ส.ค.