· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่า 0.6% ที่ระดับ 113.16 เยน/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดีภาพรวมรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้น 1.2%เนื่องจากเหล่านักลงทุนรอคอยการเลือกตั้งทั่วไปญี่ปุ่นวันอาทิตย์ที่ 22 ต.ค.นี้
ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวสูงขึ้น 0.2% ที่ระดับ 93.494 จุด โดยภาพรวมรายสัปดาห์ปรับสูงขึ้น 0.4%
ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับลดลง 0.4% ที่ระดับ 1.1808 ดอลลาร์/ยูโร โดยภาพรวมรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง 0.1% และกลับมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ระดับ 1.1730 ดอลลาร์/ยูโร
· แผนยกเครื่องภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ทางวุฒิสภาสหรัฐฯอนุมัติรายละเอียดงบประมาณสำหรับปี 2018 จำนวน 4 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งจะเป็นการปูทางให้พรรครีพับลิกันสามารถบรรลุแผนการปรับลดภาษีโดยปราศจากการสนับสนุนของพรรคเดโมแครต
ทางวุฒิสภาสหรัฐฯผ่านร่างงบประมาณฉบับดังกล่าวด้วยมติ 51 ต่อ 49 เสียง โดยนายแรนด์ พอล เป็นเพียงส.ว. คนเดียวของพรรครีพับลิกันที่ลงมติไม่เห็นด้วย
ในรายงานจาก Reuters ชี้ว่า ร่างงบประมาณดังกล่าวอาจเพิ่มการขาดดุลของภาครัฐประมาณ 1.5 ล้านล้านเหรียญในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทดแทนข้อเสนอของแนวทางการปรับลดภาษี และก็ดูเหมือนว่าทางพรรคเดโมแครตเองก็จะยังคัดค้านต่อแผนการปรับลดภาษี ที่อาจส่งผลให้มีการปรับลดภาษีในภาคธุรกิจและนิติบุคคลสูงถึง 6 ล้านล้านเหรียญ
· ทีมบริหารของนายทรัมป์ ผ่อนคลายข้อกำหนดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เพื่อยกเลิกกฎ "Mnuchin Rule" ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจมีแนวความคิดว่า แผนของทางทำเนียบขาวที่ต้องการปรับลดภาษีนิติบุคคลและภาษีเงินได้จะเอื้อประโยชน์ครั้งใหญ่ให้แก่คนร่ำรวยในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า 20% ของประชาชนโดยทั่วไปจะทำการจ่าย 95% ของภาษีต่างๆ ขณะที่ 10% ของประชาชนโดยทั่วไปจะจ่าย 81% ของภาษีต่างๆ และเมื่อเกิดการปรับลดไปทั่วทุกพื้นที่ ก็ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะไม่ให้มีการปรับลดภาษีคนร่ำรวยรวมไปถึงชนชั้นกลาง หรือสรุปได้ว่าหากมีการเรียกเก็บภาษีมากเท่าไหร่ ก็เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะทำ
· นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า ภาวะ Slippage ในอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี อาจสะท้อนให้เห็นถึงการคาดการณ์ของนักลงทุนที่ชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอุปสงค์ระยะยาวมากกว่าการผ่อนคลายเงื่อนไขทางการเงิน และนี่ไม่ถือเป็นสัญญาณที่ง่ายสำหรับเงื่อนไขทางการเงิน และอาจเป็นสัญญาณความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวในอนาคต
· นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ถูกคาดว่าจะกล่าวเรื่อง “นโยบายการเงินตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงิน” ในวันพรุ่งนี้เวลา 06.30น.
นักวิเคราะห์จาก Barclays คาดว่า ประธานเฟดจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการตอบรับของเฟดต่อวิกฤตทางการเงิน ประกอบไปด้วยนโยบายที่เป็นสามัญและนโยบายพิเศษ และน่าจะให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยต่อการดำเนินนโยบายการเงินในปัจจุบัน ที่จะสอดคล้องกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank ไม่คิดว่าจะได้ยินข้อมูลข้อมูลใหม่ใดๆที่จะส่งผลต่อโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งประธานอาจคงมุมมองการขยายตัวของเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับขึ้นต่อตามเป้าหมายของเฟดในระยะกลาง ท่ามกางการขยายตัวที่อยู่ในระดับสูง และตลาดแรงงานที่ยังคงมีความแข็งแกร่ง
· นายทะโร อะโซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทญี่ปุ่นรับเงินสดมากเกินไปและรัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อกระตุ้นให้เพิ่มการใช้จ่ายค่าแรงและการลงทุนทางธุรกิจมากขึ้น
โดยระบุว่า เงินสำรองภายในหรือรายได้สะสมซึ่งรวมถึงเงินสดที่บริษัทญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจำนวน 101 ล้านล้านเยนในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา เป็นเงินจำนวน 400 ล้านล้านเยน (3.53 ล้านล้านดอลลาร์) ขณะที่หลาย บริษัทกังวลเรื่องการเพิ่มค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ ซึ่งสถานการณ์อาจเลวร้ายไปกว่านี้ จึงต้องคิดหาวิธีที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อการใช้จ่ายเงินทุนและค่าแรง
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าเป็นเรื่องที่ยากหากจะหักภาษีเงินได้ภายใน ซึ่งได้รับการเสนอโดยนางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว เนื่องจากเป็นเหตุให้เกิด "การเก็บภาษีซ้ำซ้อน" กับบริษัทที่จ่ายภาษีนิติบุคค
· ผลการสำรวจจาก Reuters ชี้ให้เห็นว่า บรรดาบริษัทญี่ปุ่นต้องการให้รัฐบาลของนาย ซินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี ได้รับชนะการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ แม้ว่าอาจจะสูญเสียที่นั่งในสภาประมาณ 2 ใน 3
โดยผลสำรวจดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ภาคบริษัทต่างๆต้องการความมั่นคงทางการเมือง แต่ไม่ต้องการที่จะเห็นนายซินโซะ อาเบะได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย เนื่องจากมีความกังวลว่าเขาอาจจะพึงพอใจกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มากเกินไป
ทั้งนี้ การคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของนายอาเบะ จะได้ ส.ส.มากถึง 300 คนจากทั้งหมด 465 คน และพรรคโคเมโตที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะได้มากกว่า 30 คน ทำให้รัฐบาลผสมของเขาครองเสียง 2 ใน 3 ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนกองกำลังป้องกันตนเองเป็นกองทัพเต็มรูปแบบ
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุน ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณการคุมเข้มทางปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์และอุปทาน แม้ว่าจะยังมีแรงกดดันบางส่วนหลังจากที่ธนาคารกลางจีนออกมากล่าวเตือนเกี่ยวกับผลกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เร็วเกินไป
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ที่ระดับ 57.45 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 0.5%ที่ระดับ 51.54 เหรียญ/บาร์เรล