ในการประชุมพรรคคอมมิสนิสต์จีน ครั้งที่ 19 ประธานธนาคารกลางของจีนได้แสดงความกังวลต่อความเป็นไปได้ต่อภาวะฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้นในตลาดอสังหาฯ ท่ามกลางระดับหนี้ครัวเรือนที่มีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ระบุว่าจะยังไม่มีการดำเนินการใดๆในตอนนี้ เพื่อจับตาอัตราการขยายตัวของระดับหนี้และการเติบโตของเศรษฐกิจจีนโดยรวม
สิ่งที่ธนาคารกลางจีนกังวลมากกว่าคือ ระดับหนี้ของภาคบริษัทและรัฐบาลท้องถิ่นที่พุ่งสูงขึ้น และระบุว่ารัฐบาลจีนจำเป็นต้องจำกัดการขยายตัวดังกล่าว ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างคาดหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ระดับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นดังที่ยกมาข้างต้น ถือเป็นความกังวลครั้งใหญ่ต่อภาคการเงินจีน
นักวิเคราะห์จาก Citi กล่าวว่า ระดับหนี้ครัวเรือนของจีนเพิ่มขึ้นด้วยอัตรา “ที่น่าเป็นห่วง” ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยปรับขึ้นเกือบเท่าตัวจากระดับ 29.6% ของยอดดุลการค้าในปี 2014 คิดเป็นเงินจำนวน 16 ล้านล้านหยวน (2.41 ล้านล้านเหรียญ) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 44.3% คิดเป็นเงินจำนวน 33 ล้านล้านหยวน เมื่อปี 2016
นักวิเคราะห์เชื่อว่า เงินกู้เพื่อจำนองคือปัจจัยหลักที่หนุนการขยายตัวของระดับหนี้สินครัวเรือน ท่ามกลางราคาอสังหาฯที่พุ่งสูงขึ้นจากการเก็งกำไรของนักลงทุนตลาด โดยเฉพาะราคาอสังหาฯในเมืองใหญ่ๆของจีน
ทั้งนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้กล่าวในถ้อยแถลงเปิดการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเขาระบุว่า รัฐบาลจะเร่งจัดการปัญหาราคาอสังหาฯที่อยู่ในระดับสูง พร้อมระบุว่า “บ้านคือที่สำหรับอยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อการหาผลกำไร”
ประธานบริษัท Macquarie กล่าวว่า ถ้อยแถลงของนายจิ้นผิง ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจเท่าไหร้นัก แต่การที่เขาออกมากล่าวในการเปิดการประชุมสำคัญนั้น ค่อนข้างผิดปกติไปเล็กน้อย พร้อมคาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนยังไม่ผ่อนคลายข้อจำกัดในตลาดอสังหาฯ ไปอีกอย่างน้อย 12 เดือน